ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

8 วิธีการเลี้ยงดูลูกผิด ๆ ที่ส่งผลต่อชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของลูกได้

พ่อแม่ที่มีความรับผิดชอบจะทำทุกอย่างในการเลี้ยงลูกให้มีความสุขและประสบความสำเร็จ แต่บางครั้งพวกเขาก็ทำพลาด การเลี้ยงลูกแบบผิด ๆ อาจส่งผลให้ลูกเริ่มแยกแยะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเขา และสร้างวิธีการมองโลกที่ส่งผลกระทบอันยิ่งใหญ่ต่อชีวิตของพวกเขาในอนาคต

ชีวิตสดใสอยากให้โลกใบนี้เต็มไปด้วยเด็กและผู้ใหญ่ที่มีความสุข นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมวันนี้ พวกเราถึงจะมาคุยกันในเรื่องของเหตุการณ์ด้านลบที่จะส่งผลต่อชีวิตวัยผู้ใหญ่ของลูกได้อย่างแน่นอน

8. คุณไม่แสดงให้ลูกเห็นว่าคุณรักพวกเขา

สำหรับมนุษย์ตัวเล็ก ๆ แล้ว พ่อและแม่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในโลกของพวกเขา อะไรจะเกิดขึ้นกับเด็กที่ไม่รู้สึกถึงความรักของพ่อแม่งั้นเหรอ ?

  • พวกเขาจะทุกข์ทรมานกับความนับถือในตัวเองมาก และพวกเขาจะไม่รักตัวเอง ผลที่ตามมาก็คือบางคนพยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการทำศัลยกรรมเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
  • หรืออีกทางก็คือ พวกเขาจะพยายามยัดเยียดความรักให้กับลูก และเปลี่ยนความเป็นห่วงให้เป็นการควบคุมโดยสิ้นเชิง และลูกของพวกเขาก็จะไม่มีความสุขเช่นกัน

7. คุณพยายามที่จะควบคุมทุกอย่าง

ทำไมพ่อแม่ถึงควรจะสร้างความสัมพันธ์กับลูก โดยที่ไม่มีการบังคับอยู่ตลอดเวลางั้นเหรอ ? บางครั้งพ่อแม่ก็ลืมไปว่าลูกของพวกเขาโตแล้ว แต่ก็ยังคงทำทุกอย่างให้เหมือนกับเขาเป็นเด็ก ทำให้เด็กเหล่านี้ไม่ยอมเติบโตทางอารมณ์ และจะเจอปัญหาในความสัมพันธ์ของพวกเขา

  • พวกเขาจะคิดว่าโลกทั้งใบหมุนรอบตัวเขาเอง และจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีไม่ได้ เพราะว่าพวกเขาตัดสินใจไม่ได้และคิดถึงแต่ตัวเอง และทัศนคติแบบนี้ส่วนใหญ่แล้วจะนำไปสู่ความขัดแย้ง

6. คุณไม่สร้างพลังให้กับลูกเพื่อทำให้เขาตัดสินใจได้เอง

เมื่อพ่อแม่ตัดสินใจแทนลูก มันเป็นการไม่ปล่อยให้พวกเขามีอิสระ เด็กทุกคนควรจะมีสิทธิ์ในการเลือก (ด้วยการสนับสนุนตามช่วงอายุของเขา)

  • การตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ทำให้คนเราแก้ปัญหาไม่ได้ และพวกเขาจะต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นอยู่เสมอ มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาในการหาที่ที่เหมาะสมในโลกใบนี้ เพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการอะไร

5. คุณเถียงกันให้ลูกเห็นอยู่บ่อย ๆ

ถ้าพ่อแม่เถียงกันบ่อย ๆ ลูกอาจจะคิดว่ามันเป็นความผิดของพวกเขา พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและจะคิดว่าตัวเองผิด

  • คนเหล่านี้มักจะพยายามหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งต่าง ๆ หรือในอีกทางหนึ่งก็จะละเมิดคนอื่น ในอนาคตเด็กผู้หญิงจะพยายามแสดงให้ผู้ชายเห็นว่าพวกเธอแข็งแรงกว่า และเด็กผู้ชายมักจะทำพฤติกรรมเลียนแบบพ่อของพวกเขา นอกจากนี้ พวกเขามักจะเข้าใจว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่นั้นไม่ดี และอาจส่งผลต่อปัญหาการเสพติดตามมาได้

4. คุณออกคำสั่งในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

เด็กเชื่อผู้ใหญ่ในชีวิตของพวกเขา โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อแม่ และทำทุกอย่างตามที่พวกเขาบอก ถ้าทำผิดพลาดพวกเขาจะเริ่มคิดว่าเขาเป็นคนขี้แพ้ และไม่สมควรที่จะถูกรัก

  • มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับคนประเภทนี้ พวกเขามักจะโฟกัสในเรื่องความสำเร็จอยู่เสมอ ถ้าพวกเขาทำได้ไม่ดีพอ (ในความคิดเห็นของตัวเอง) พวกเขาจะรู้สึกไม่มีความสุขและจะรู้สึกหดหู่อีกด้วย ผู้คนเหล่านี้มักจะกีดกันสมาชิกในครอบครัวจากความสุข

3. คุณฝึกให้ลูกของคุณเป็นคนรักสบาย

โชคไม่ดีที่การควบคุมความต้องการของลูกเป็นเรื่องปกติ พ่อแม่มักจะบอกให้ลูกไปดูโทรทัศน์หรือเล่นเกม เพื่อที่ลูกจะได้ไม่ต้องรบกวนพวกเขา มันไม่ใช่ปัญหาถ้าสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ แต่มันไม่ควรจะเกิดขึ้นเป็นประจำ เป้าหมายของพ่อแม่ทุก ๆ คนคือการเลี้ยงดูคน ๆ หนึ่งให้สามารถมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้ด้วยตัวเอง, ตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง, ทำตามความต้องการและคุณค่าของตัวเอง

  • คนเหล่านี้มักจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาใคร และกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องพึ่งพาแต่คนอื่น พวกเขามักจะไม่เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไร และมันจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเป็นสาเหตุของการเสพติด

2. ในฐานะของคนเป็นพ่อ คุณใส่ใจลูกของตัวเองไม่พอ

การขาดความเอาใจใส่จากพ่อส่งผลต่อการใช้ชีวิตในอนาคต ของทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย มันมักจะเกิดกับครอบครัวที่พ่อให้ความสนใจกับลูกไม่พอ พวกเขาแค่มีพ่ออยู่และมันก็แค่นั้น ความกล้าหาญและการพัฒนาตนเองของลูกขึ้นอยู่กับพ่อ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเด็ก ๆ ไม่ได้รับความสนใจที่เพียงพอ

  • เด็กผู้ชายอาจจะทำแบบเดียวกันกับที่พ่อของเขาทำ และเด็กผู้หญิงก็จะประสบปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์แบบโรแมนติก เรื่องของเรื่องคือผู้หญิงมักจะเลือกผู้ชายที่คล้ายกับพ่อ พวกเธออยากจะมีครอบครัวที่มีความสุขแต่ประสบการณ์ในวัยเด็กของพวกเธอทำให้พวกเธอรู้สึกมีความเคลือบแคลงเกี่ยวกับผู้ชาย

1. คุณด้อยค่าความรู้สึกของลูก

ในบางครั้งเด็ก ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่ดูโง่ในสายตาผู้ใหญ่ แทนที่พวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือ แต่กลับได้การประเมินแทน (อย่างเช่น “อันนั้นแย่”, “อันนั้นดี” หรือ “เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้” หรือคำสั่ง (อย่าง “หยุดร้องไห้” หรือ “อย่างอแง”) นั่นคือการด้อยค่าความรู้สึกและอารมณ์

  • ยิ่งคนเราเข้าใจและควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้มากเท่าไหร่ คน ๆ นั้นก็ยิ่งฟื้นฟูอารมณ์ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น และมันก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เมื่อเป็นเรื่องของการตัดสินใจ ในชีวิตผู้ใหญ่ คนประเภทนี้จะแชร์และแบ่งปันอารมณ์หรือความรู้สึกของพวกเขาไม่ได้ และพวกเขาจะเก็บกดความโกรธเอาไว้ จนกระทั่งมันระเบิดออกมา

คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่าชีวิตในวัยเด็กของเรามีอิทธิพลและส่งผลต่อชีวิตในวัยผู้ใหญ่ ?

เครดิตภาพพรีวิว depositphotos, depositphotos
ชีวิตสดใส/ครอบครัว & เด็ก/8 วิธีการเลี้ยงดูลูกผิด ๆ ที่ส่งผลต่อชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของลูกได้
แชร์บทความนี้