ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

วิธีฝึกลูกน้อยของคุณให้หลับ หากคุณไม่อยากปล่อยให้พวกเขา “ร้องไห้จนหลับไป”

วิธีที่เรียกว่า การปล่อยให้ลูกน้อยร้องไห้ไป (Cry It Out) หรือให้ร้องไห้จนหลับไปเอง เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการช่วยให้เด็กได้ยึดอยู่กับกิจวัตรการนอนโดยเฉพาะ ซึ่งวิธีการนี้คือการบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้ปล่อยลูกน้อยของคุณนอนร้องได้จนเขานั้นหลับไปเอง ให้เขาอยู่เพียงลำพังหรือคอยเช็คดูเป็นครั้งคราว แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงลูกและแพทย์จะเชื่อว่าวิธีนี้ค่อนข้างปลอดภัยและใช้ได้ผล แต่ก็มีพ่อแม่จำนวนมากรู้สึกไม่สบายใจที่จะปล่อยให้ลูกน้อยนอนร้องไห้อยู่ในเปล แล้วก็นับว่าโชคดีที่เรามีวิธีคลายเครียดแบบอื่น ๆ ที่จะช่วยให้ลูกน้อยของคุณนอนหลับได้อย่างสงบสุขโดยที่ไม่ต้องเสียน้ำตาเลยล่ะ

ที่ชีวิตสดใส เราได้ศึกษาวิธีฝึกการนอนหลับแบบอื่น ๆ ที่แนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ แล้วนี่ก็คือวิธีเหล่านั้น

วิธีเลื่อนเวลานอนให้ดึกขึ้น

วิธีนี้บอกเป็นนัย ๆ ว่าค่อย ๆ ให้ลูกน้อยของคุณเข้านอนช้าลง หากคุณพยายามกล่อมให้ลูกเข้านอนตอนสามทุ่ม เด็กจะร้องไห้ต่อไปอีกนาน 45 นาที จนในที่สุดคุณก็ยอมแพ้ ดังนั้นให้ลองเลื่อนเวลาเข้านอนให้ดึกขึ้นอีก 45 นาที โดยเทคนิคนี้จะสามารถช่วยให้คุณใช้แรงกระตุ้นการนอนหลับไปตามธรรมชาติของลูกคุณได้ และทำให้เขาหลับได้เร็วและง่ายขึ้นด้วย

เมื่อลูกของคุณค่อย ๆ เริ่มหลับได้เร็วขึ้น คุณสามารถปรับเวลานอนให้เร็วขึ้นได้เพื่อให้ถึงเวลาที่ต้องการ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เลื่อนเวลาเข้านอนให้เร็วขึ้น 15 นาทีทุก ๆ 2 วัน หากคุณเลือกใช้วิธีนี้ ทางที่ดีก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกนอนเกินเวลาในตอนเช้าหรืองีบหลับในช่วงบ่ายแก่ ๆ เพราะเมื่อถึงเวลาเข้านอน พวกเขาจะง่วงน้อยลง

วิธีเลื่อนเวลานอนให้ดึกขึ้นรวมเข้ากับกิจวัตรด้านบวก

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเด็ก ๆ มักจะหลับได้ง่ายขึ้น เมื่อมีกิจกรรมที่น่าพึงพอใจและคาดเดาได้หลาย ๆ อย่าง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการนอนหลับ เช่นเดียวกับวิธีที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น คุณต้องหาเวลาที่ลูกของคุณหลับไปตามธรรมชาติและเพิ่มกิจกรรมผ่อนคลายสองสามอย่างที่จะเริ่มทำก่อนเข้านอนประมาณ 20 นาที จากนั้นค่อย ๆ นำลูกของคุณเข้านอน โดยคุณสามารถลองทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อยของคุณได้ เช่น การอาบน้ำ อ่านหนังสือหรือฟังนิทานให้ฟัง เป็นต้น

วิธีสัมผัสเบา ๆ กล่อมให้หลับ

นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีในการฝึกการนอนหลับแบบความตึงเครียดต่ำที่ค่อย ๆ ปล่อยให้ลูกได้อยู่ตามลำพังในช่วงเวลานอน โดยคุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการพาลูกเข้านอนในตอนที่ลูกดูง่วง ๆ แต่ก็ยังตื่นอยู่ ให้เริ่มต้นที่เปลนอน และค่อย ๆ เพิ่มระยะห่างระหว่างตัวคุณกับลูกในแต่ละคืน จนกว่าคุณจะพบว่าลูกของคุณหลับไปเองโดยที่คุณไม่ได้อยู่ในห้อง

เคร็ก คานาปารี่ (Craig Canapari) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกนอนหลับแนะนำให้คุณทำตามอุบายการถอนตัวเองออกจากห้องนอนลูกของคุณ โดยให้เริ่มต้นด้วยการถูหลังลูกของคุณเมื่อพวกเขาหลับ จากนั้นค่อย ๆ ย้ายไปอยู่ข้างเตียง ต่อมาให้อยู่ภายในห้อง อยู่ที่ประตู และสุดท้ายอยู่ที่โถงทางเดิน ซึ่งแต่ละขั้นตอนใหม่ ๆ ควรทำหลังจากที่ผ่านไปแล้ว 1-3 คืน

สิ่งที่คุณต้องจำเมื่อฝึกการนอนหลับให้ลูกน้อย

  • เลือกวิธีที่เหมาะกับครอบครัวของคุณ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้วางแผนเริ่มต้นการฝึกการนอนหลับในตอนที่คุณกับคนรักไม่มีอะไรหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นในชีวิตของพวกคุณ เพราะช่วงสองสามคืนแรกอาจเป็นเรื่องที่ยากและน่าเบื่อหน่ายเล็กน้อย ดังนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าทั้งตัวคุณและคู่ของคุณต่างเข้าใจดีว่าพวกคุณกำลังจะทำอะไรและจะทำยังไง
  • มีความสม่ำเสมอ เมื่อคุณทำตามแผนสำเร็จแล้ว ให้ทำอยู่อย่างนั้น โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามกิจวัตรที่การฝึกนอนหลับเป็นเวลานานอย่างน้อยหลายคืนในช่วงเริ่มแรก แล้วก็ให้จำไว้ว่าเด็ก ๆ ต้องการเวลาเพื่อทำความคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับตัวคุณและคู่ของคุณ
  • เตรียมพร้อมสำหรับการกลับสู่สภาพเดิม ผู้เชี่ยวชาญเตือนเหล่าพ่อแม่ว่าเด็ก ๆ สามารถทำกิจวัตรก่อนนอนไม่ได้เป็นครั้งคราว แม้ว่าการฝึกการนอนหลับจะดำเนินไปได้ด้วยดีก็ตาม โดยสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากการงอกของฟัน ปัญหาสุขภาพ หรือการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ขอให้คุณมีความอดทน

ไม่ว่าคุณจะเลือกเทคนิคการฝึกการนอนหลับแบบใดก็ตาม แพทย์ก็ได้เตือนบรรดาพ่อแม่ว่าการฝึกทุกอย่างควรดีต่อสุขภาพของเด็ก ๆ ดังนั้นทางที่ดีควรปรึกษากุมารแพทย์ของคุณก่อนเริ่มต้นฝึกการนอนหลับให้กับลูกน้อยของคุณ

คุณฝึกการนอนหลับให้กับลูกน้อยของคุณบ้างหรือเปล่า ? คุณใช้วิธีไหน ? แล้วพวกมันใช้ได้ผลมั้ยนะ ?

ชีวิตสดใส/ครอบครัว & เด็ก/วิธีฝึกลูกน้อยของคุณให้หลับ หากคุณไม่อยากปล่อยให้พวกเขา “ร้องไห้จนหลับไป”
แชร์บทความนี้