อะไรอาจเกิดขึ้นได้บ้าง หากคุณหักดิบกาแฟแบบทันทีทันใด
ถึงแม้ว่ากาแฟจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพอยู่หลายข้อ แต่สำหรับบางคนแล้ว การเลิกกาแฟอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วก็ได้ แต่ไม่ว่าการได้ใช้ชีวิตโดยปราศจากคาเฟอีนได้ในทันทีจะฟังดูน่าลิ้มลองมากเพียงใด แต่ทางที่ดีเราควรลดปริมาณการดื่มกาแฟที่คุณเคยดื่มเป็นประจำทุกวันอย่างช้า ๆ จะดีกว่า และให้เวลาตัวคุณเองในการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะร่างกายของเราอาจต้องพึ่งพากาแฟไปแล้ว และการหักดิบจากมันในทันทีทันใด อาจทำให้เกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ได้ หรือที่เรียกกันว่าภาวะถอนคาเฟอีน (Caffeine withdrawal) นั่นเอง
พวกเราที่ชีวิตสดใสก็เคยพยายามจะเลิกดื่มกาแฟกันมาบ้างแล้ว และเราได้ทำการศึกษาเพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าคุณตัดสินใจที่จะเลิกดื่มกาแฟแบบหักดิบไปเลย
1. คุณอาจมีอาการปวดหัวได้
หากคุณเคยตื่นมาพร้อมกับมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง คุณอาจจะรู้ดีว่ากาแฟเข้ม ๆ ร้อน ๆ สักแก้ว สามารถช่วยให้อาการปวดหัวหายไปได้ สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะกาแฟไปทำให้หลอดเลือดในสมองของคุณตีบแคบลง และเมื่อคุณตัดสินใจที่จะตัดการบริโภคกาแฟออกไป นั่นจะไปทำให้หลอดเลือดในสมองของคุณขยายตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้มีเลือดไปหล่อเลี้ยงสมองมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย ดังนั้น ร่างกายของคุณจึงอาจจะมีปฏิกิริยาต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันจากการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้ ทำให้เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงตามมา โดยอาการนี้จะเกิดขึ้นจนกว่าสมองจะปรับตัวกับปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้นได้
2. คุณอาจมีความวิตกกังวลมากขึ้น
ฟังดูเป็นคนละเรื่องเลยใช่ไหม แต่การหักดิบกาแฟสามารถทำให้คุณมีอาการประหม่าหรือวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นได้จริง ๆ ถึงแม้ว่าคาเฟอีนอาจทำให้คุณรู้สึกกระวนกระวายใจได้ แต่ทั้งร่างกายและจิตใจของคุณก็พึ่งพามันไปแล้ว การหักดิบกาแฟในทันดีทันใดนั้นสามารถทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลและเครียดได้ และหากคุณคุ้นเคยกับการต้องดื่มกาแฟชวาที่ต้องเติมน้ำตาลหรือไซรัปให้ความหวาน คุณอาจต้องพบกับอาการถอนน้ำตาลด้วยเช่นกัน ซึ่งจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกประหม่าและกระวนกระวายใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
3. มันอาจส่งผลต่อผิวของคุณได้
อาการวิตกกังวลอาจทำให้คุณเหงื่อออกและทำให้หัวใจของคุณเต้นแรงยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ไม่ดีต่อผิวของคุณเช่นกัน เพราะว่ามันจะไปกระตุ้นให้เกิดการหลั่งคอร์ติซอล หรือที่รู้จักกันในนามของฮอร์โมนความเครียด ซึ่งส่งผลต่อรูขุมขนบนผิวหนังและทำให้มีการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น นั่นจะทำให้รูขุมขนอุดตัน และผิวลื่นมันอีกต่างหาก ความเครียดและความวิกตกกังวลถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของผิวเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันสามารถทำให้ผิวหนังของคุณแก่ก่อนวัยอันควรได้
4. มันอาจทำให้คุณเสียวฟันได้มากขึ้น
หนึ่งในอาการที่ไม่พึงปรารถนาของภาวะถอนคาเฟอีนน่าจะเป็นอาการพะอืดพะอม โดยอาการท้องไส้ปั่นป่วนและพะอืดพะอมอาจทำให้คุณอาเจียนออกมาได้ ซึ่งจะส่งผลต่อฟันของคุณ ถึงแม้ว่าการดื่มกาแฟบ่อย ๆ อาจทำให้ฟันของคุณเป็นคราบเหลือง แต่การหักดิบกาแฟในทันทีก็ไม่ดีต่อสุขภาพปากของคุณเช่นกัน เมื่อคนเราอาเจียนออกมานั้น จะทำให้ริมฝีปากแห้งและเกิดการกัดกร่อนได้ ซึ่งอาจทำให้คุณเสียวฟันได้มากขึ้นและอาจทำให้ฟันผุ
5. คุณอาจรู้สึกวิงเวียน
หากคุณเป็นนักดื่มกาแฟ คุณก็จะรู้ดีว่าหากคุณรู้สึกวิงเวียนในตอนเช้า แค่มีกาแฟชวาถ้วยโปรดก็สามารถช่วยชีวิตคุณไปทั้งวันได้แล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตัดสินใจจะหักดิบกาแฟอย่างถาวร ในขณะที่ร่างกายของคุณต้องการเวลาในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ จึงอาจมีปฏิกิริยาตอบสนองเป็นอาการวิงเวียนได้ พยายามนั่งหรือนอนลงหากคุณรู้สึกเวียนศีรษะ ปกติแล้วอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นประมาณ 9 วัน เพราะร่างกายของคุณต้องการเวลาในการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงนั่นเอง
6. คุณอาจรู้สึกว่าจดจ่อกับสิ่งต่าง ๆ ได้ยากขึ้น
นอกจากกาแฟจะช่วยให้คุณตื่นตัวในตอนเช้าแล้ว มันยังสามารถเพิ่มสมาธิในการทำข้อสอบหรือทำงานใหญ่ได้ คาเฟอีนจะเข้าไปเพิ่มระดับอะดรีนาลีน ทำให้ความดันเลือดของคุณสูงขึ้นและยังไปกระตุ้นสมองของคุณอีกด้วย ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตโดยปราศจากคาเฟอีนอย่างสิ้นเชิง ในตอนแรกคุณอาจต้องเผชิญความยากลำบากในการจะตั้งสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ร่างกายของคุณก็จะเคยชินที่จะทำงานโดยไม่ต้องมีกาแฟได้
คุณเคยพยายามที่จะเลิกกาแฟไหม ? คุณคิดว่าควรค่อย ๆ ลดปริมาณลง หรือหักดิบแบบที่ว่าเริ่มวันจันทร์แบบปราศจากคาเฟอีนไปเลย แบบไหนทำได้ง่ายกว่ากัน ?