ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

12 นิสัยที่บอกว่าคน ๆ นั้นเติบโตมาจากครอบครัวที่ขัดสน

โชคไม่ดีเท่าไหร่ที่ไม่ใช่ทุกคนจะบอกว่าชีวิตวัยเด็กของตัวเองนั้นโรยด้วยกลีบกุหลาบ บางคนมีปัญหากับครอบครัว บางคนมีปัญหากับเพื่อน บางคนขัดสน และถึงแม้ว่าตอนที่ครอบครัวขัดสนนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นาน แต่ความทรงจำนั้นจะคงอยู่กับพวกเขาไปตลอดกาล

ชีวิตสดใสได้ลองมาพิจารณาดูว่านิสัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะทำแบบตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม จะบอกได้ว่าคนคนหนึ่งเติบโตมาจากครอบครัวที่ขัดสนหรือเปล่า และเราก็มีนิสัยบางอย่างแบบนี้เช่นกัน

หวงของกิน

การห่วงกังวลเรื่องอาหารและสารอาหารนั้น เป็นหนึ่งในสิ่งที่บอกได้ชัดเลยว่าครอบครัวนี้เคยมีปัญหาการเงินหรือเปล่า คนที่โตมาจากครอบครัวแบบนี้อาจจะน้ำหนักเกิน ทิ้งของกิน และอาจจะกินอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ

  • ผมยังกังวลอยู่เสมอเวลาที่แขกมาบ้านแล้วกินอาหารของผม ผมเลยแบ่งเก็บส่วนของตัวเองไว้ จะได้ไม่ดูเป็นคนบ้า © HateradeK / Reddit
  • ผมไม่สามารถกินอาหารได้ทุกอย่างในจาน และถ้ามีของเหลือ ผมก็จะเก็บไว้กินเป็นมื้อเที่ยงอีก 4 วัน จนกว่ามันจะเสียหรือจะหมด ตอนเด็ก ๆ เราแทบไม่มีกิน พอโตมาเลยไม่เคยทิ้งอาหารเหลือเลย © Followthatmonkey / Reddit
  • เก็บอาหารอร่อยไว้กินสุดท้าย แม้ว่าจะอยู่ในจานเดียวกันก็ตาม อะไรที่อร่อยน้อยสุดจะกินก่อน และอันที่อร่อยสุดจะเก็บไว้กินสุดท้าย เพื่อให้เวลาแห่งความสุขอยู่ยาวนาน ยกตัวอย่างเช่น จานเปล่าที่มีแต่บีฟกูลาชนี่เจอบ่อย ไม่สังเกตเลยไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้ได้ไง © Kovalevan7 / Pikabu

ไม่ซื้อของอะไร “เกินมา”

คนที่โตมาจากครอบครัวที่ยากจนมักจะเจอความเครียดเวลาต้องซื้อของ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องปากท้องซักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คนพวกนี้จะใช้กฎ “ผัดวันไปก่อน” นั่นก็คือรอไปอีกสองสามวันกว่าจะตัดใจซื้อของได้

  • ร้านที่ผมทำงานมีเซตทีวีกับเกมคอนโซลขาย ราคานั้นก็สมเหตุสมผล ผมไม่มีหนี้อะไร แล้วก็มีเงินอยู่พอด้วยในบัญชี แถมแฟนผมก็จะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน แต่เราไม่มีทีวี ถ้าซื้อมันก็คือการซื้อแบบสมเหตุผลนั่นแหละ ตอนจะจ่ายเงินผมเกือบอาเจียนออกมา เพื่อนต้องโน้มน้าวกันว่าราคานี้น่ะดีแล้ว แต่ผมกระอักกระอ่วนจะอ้วกไปหลายชั่วโมงเลย © CryoClone / Reddit

ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ

ความกลัวอย่างไม่มีเหตุผลว่าจะตกงานนั้นเข้าใจได้ สำหรับคนที่ตอนเด็ก ๆ แทบจะเอาตัวไม่รอดเพราะว่าไม่มีรายได้เป็นหลักแหล่ง ไม่เกี่ยวว่าจะได้มากหรือน้อย

  • แม็กซ์ (Max) ทำงานให้บริษัทใหญ่ เป็นตัวแทนส่งออก เงินเดือนเป็นทางการของเขาคือปีละ 401,196 บาท ($12,000) เงินที่เหลือก็เข้ามาหาเขาโดยตรง (แปลว่าเขามักจะได้เงินใต้โต๊ะ) มีครั้งหนึ่งเขาป่วย และไม่ได้รับอนุญาตให้ลาป่วย ต้องไปกู้หนี้ยืมสินวันจ่ายเงินเดือนมา และยิ่งมีหนี้เยอะเข้าไปอีก เขาหายดีแล้วก็ทำงานต่อ ตอนนี้เขาบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าการทำงานให้บริษัทใหญ่ ๆ และเงินเดือนสี่แสนแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะให้ใครทำก็ได้ เขาทำแบบไม่มีแผนสำรองหรือการรับประกันอะไรเลย ว่าเขาจะยังมีงานนี้อยู่ไหมในอนาคต © dadudist / Pikabu

หวงอะไรที่เป็นของตัวเองมาก

นิสัยบางอย่างก็บอกได้ว่าชีวิตตอนเด็กที่เคยจนนั้น คนรวยและพนักงานขายเขาสังเกตได้ วิธีการเดิน การพูด ท่าทาง การกิน และวิธีการถือแก้วกาแฟสามารถบอกได้หมดเกี่ยวกับชีวิตคุณ

  • ตอนที่ผมกับเพื่อน 3 คนเช่าบ้านกัน เจ้าของบ้านเราเป็นนักแสดงที่รู้จักกันดีในประเทศเลยล่ะ มีอยู่วันหนึ่งเธอได้ออกทีวีรายการสัมภาษณ์ เราก็นั่งบนโซฟา จิบโกโก้แล้วก็ดูกันไป มีตอนหนึ่งเขาพูดถึงเรื่องสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สำคัญเพื่อให้เข้าฉากได้ดี แล้วนักแสดงก็ขอกาแฟจากผู้สัมภาษณ์ แล้วบอกว่า “คุณนี่โตมาจากบ้านรวยแน่ ๆ เพราะว่าคุณเอาแก้วออกห่างจากตัว คนจนเขาไม่มีอะไรดีกว่านั้น ก็เลยต้องจับแก้วบีบแน่นไว้กับมือ” เพื่อนผมหันมาหาผม ซึ่งจับแก้วโกโก้ไว้สองมือ ผมก้มหน้าลงแล้วบอกว่า “จริงอย่างที่ว่า เราเคยจนมากมาก่อน” © John Jones / Quora

หวังรอปาฏิหาริย์

คนที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินจะคิดว่าการเล่นหวยหรือการพนันนั้นเป็นความบันเทิง แน่นอนว่าถ้าชนะได้ก็ดีใจ แต่ถ้าแพ้ก็หงุดหงิด แต่มีแต่คนที่ลำบากเท่านั้นแหละ ที่จะเข้าใจความแตกต่างของคำว่าชอบ กับคำว่าหวังรอปาฏิหาริย์

  • ผมเคยเป็นคนไร้บ้าน ตอนนี้ผมมีบ้านเองและเงินเดือนก็มากกว่าเงินเดือนเฉลี่ยสองเท่า แต่ถึงผมจะมีปริญญาด้านเศรษฐศาสตร์และรู้ว่ามันไม่มีเหตุผลเลย ผมก็ยังเล่นล็อตเตอรีอยู่ดี © clemtiger2011 / Reddit

ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

คุณสามารถระบุได้ว่าคน ๆ นั้นเกิดมาจากบ้านจนหรือเปล่าได้ โดยการดูว่าเขาทำอะไรได้ด้วยตัวเองไหม เปลี่ยนล็อกกุญแจ ซ่อมก๊อกรั่ว ปูกระเบื้องเอง ซ่อมบ้าน ตัดผมเองหน้ากระจก แม้ตอนนี้ชีวิตจะไม่ลำบากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังติดนิสัยแบบนั้นอยู่

  • ผมย้ายเข้าบ้านภรรยาผม มีครั้งหนึ่งผมถามเธอว่ามีเข็มกับด้ายไหม เธอตอบว่า :

— ถามไปทำไมเหรอ ?
ผม: จะซ่อมถุงเท้า
เธอ: ทิ้งไปสิคุณ ซ่อมทำไมให้อายคน !
เธอโตมาจากครอบครัวร่ำรวย ผมงี้พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลย ว่าจะบอกเธอว่ารองเท้าก็ซ่อมได้นะ© klalkin / Pikabu

  • ตอนฉันยังเด็ก ที่บ้านจนมาก พ่อแม่ไม่มีเงินให้ไปตัดผม พ่อฉันเป็นคนตัดให้เอง พอไปโรงเรียนก็จะอายมาก ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนนั้นโง่จริง ๆ ไม่ใช่ลูกสาวทุกคนจะได้อวดชาวบ้านได้ว่าพ่อใช้จักรเป็น พ่อเย็บรองเท้าได้ พ่อตัดผม ย้อมผม สร้างบ้านได้ เปลี่ยนท่อประปาได้ แถมทำกับข้าวได้อีก ฉันภูมิใจในตัวพ่อจริง ๆ “Overheard” / ideer

ไม่ยอมทิ้งของ

คนที่รู้คุณค่าของเงินมักจะไม่ทิ้งสิ่งของ และพยายามจะใช้มันให้หมดอายุขัยของมันเท่าที่จะทำได้ หากเสื้อผ้าเอาใส่ไปข้างนอกไม่ได้แล้ว ก็เอามาใส่ในบ้านแทน หรือตัดเป็นชิ้นทำผ้าขี้ริ้ว แล้วผ้าขี้ริ้วที่ตัดมาก็ซักและใช้ไปจนกว่าจะขาดเป็นเส้นด้าย

  • ฉันซ่อมของแทนที่จะทิ้งมันไป ตอนนี้ฉันปัดโทรศัพท์ไปทางซ้ายไม่ได้ และบางทีเครื่องก็ดับไปเอง แต่มันก็ยังเอาไว้ใช้โทรได้นี่เนอะ ? © joannagoanna / Reddit
  • ผมเอาแชมพูกับสบู่ที่เหลือผสมน้ำ จนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือนอกจากน้ำในขวด ผมทิ้งแชมพูไม่ลงถ้ารู้ว่าก้นขวดยังมีเหลืออยู่ © jsand4325 / Reddit

ยอมเสียเวลาแทนที่จะเสียเงิน

หนึ่งในลักษณะที่เห็นได้ชัดของความจนก็คือ การคิดอยู่เสมอว่าเงินมีค่ามากกว่าเวลา ก็เลยยอมยืนหนาวที่ป้ายรถเมล์แทนที่จะเรียกแท็กซี่ หรือเลือกของถูกอยู่เป็นชั่วโมง ดูของโปรโมชั่น ดูของลดราคา และใช้เวลาเสาร์อาทิตย์อยู่แต่ในครัว เพราะว่าอยากประหยัดเงิน

  • ตอนที่ผมซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าอพาร์ทเมนต์ ผมเศร้ามากเพราะว่ามีส่วนต่าง 600 บาท ($20) แบบนี้ “ชอบเก้าอี้ตัวนี้แต่มันแพงกว่า 600 บาท” คิดอยู่หลายอาทิตย์ว่าจะเลือกเก้าอี้ตัวที่ราคา 14,000 ($430) หรือ 15,000 ($450) ดี © Maverick1717 / Reddit

คุมสติไม่อยู่ตลอดเวลาถึงที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน

ชีวิตของคนที่เติบโตมาจากครอบครัวยากจนนั้น เต็มไปด้วยความกังวลและความกลัว หนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อยเลยว่าทำให้เครียดคือการไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต แม้จะมั่นใจว่ามีเงินอยู่ในบัญชีเหลือเฟือ แต่ไม่มีใครกำจัดความคิดเรื่องความกลัวอย่างไร้เหตุผล ว่าเดี๋ยวรูดบัตรแล้วจะไม่ผ่านได้

  • แม้ฉันจะรู้ดีว่ามีเงินพอ ฉันก็กลั้นใจตลอดกว่าจะเห็นไปตอนท้ายของเครื่องรูดบัตร ว่ามันผ่านแล้ว © unknown_author / Reddit

จ่ายทุกอย่างด้วยการผ่อนเป็นงวด

การกลัวอนาคตข้างหน้านำไปสู่ข้อเท็จจริงที่ว่า แม้ว่าคนเราจะมีโอกาสซื้อของแล้วจ่ายทีเดียวทั้งหมดได้ แต่ก็มักจะจ่ายเงินเป็นงวด หรือเลือกเงินผ่อน จำนวนเงินที่แบ่งเป็นงวด ๆ ทำให้มันดูน่ากลัวน้อยกว่าราคาเต็มของสิ่งของ หรือบริการนั้น ๆ

  • ผมไม่สามารถซื้อของอะไรแบบจ่ายเต็มได้ สมมติว่าประกันรถ 40,000 บาท ($1,200) ต่อปี แต่ผมเลือกจะใช้วิธีเงินผ่อน รวม ๆ แล้วจ่ายเพิ่ม 6,000 บาท ($180) ในตอนท้าย แต่ดีกว่าจะมาจ่ายรวดเดียว 40,000 บาท ($1,200) เลย © -Ahab- / Reddit

ไม่ยอมไปหาหมอ

เช่นเดียวกับเรื่องของเวลา คนที่เคยยากจนจะเห็นคุณค่าของสุขภาพน้อยกว่าค่าของเงิน และมักจะมีปัญหาทันตกรรม เพราะคิดว่าทางจิตวิทยาแล้ว เขาไม่สามารถใช้เงิน “มากขนาดนั้น” ได้เวลาไปหาหมอฟัน และการไปหาหมอฟันฟรีนั้นก็น่ากลัวหลอกหลอนมาตั้งแต่เป็นเด็ก

  • ปีที่แล้วตอนที่ฉันเริ่มทำงาน ฉันป่วย แต่ก็ยังฝืนทำงาน เพราะว่าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะลาได้ แล้วต้องมากังวลว่าจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่านู่นนี่และจ่ายบิลต่างๆ ที่ทำงานถามว่า “มาทำไม ไปหาหมอแล้วกลับบ้านซะ” ฉันเพิ่งรู้ว่าทำแบบนี้ก็ได้ แล้วฉันก็ร้องไห้ ฉันไม่เคยรู้สึกรวยเท่าตอนนั้นเลย © gingeralecap / Reddit

ตกอยู่ในความกลัว

การคิดล่วงหน้าอยู่เสมอว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลในทุกสถานการณ์ ตื่นตัวระวังตลอด ไม่ไว้ใจใคร นี่คือนิสัยที่เกิดขึ้นจากอดีตที่เคยยากจน รวมไปถึงการไม่ชอบรับของขวัญ โดยเฉพาะของราคาแพง

  • ผมกลัวเวลาที่อยู่ดี ๆ ก็มีคนไม่รู้จักมาเคาะประตู เบอร์โทรที่ไม่รู้จัก และไม่ยอมเปิดตู้จดหมายต่อหน้าคนอื่น ก็ไม่นานหลังจากที่ผมปลดหนี้หมด และยังไม่มีเวลามากพอให้ขจัดความกลัวนี้ทัน © whistleduck / Reddit
  • ฉันเกลียดการได้ของขวัญ เพราะว่าตอนเป็นเด็ก ฉันไม่มีโอกาสให้ของขวัญคนอื่นกลับไป และฉันก็ถูกทิ้งให้รู้สึกแย่เพราะเรื่องนี้ พวกพี่สาวน้องสาวฉันก็ยังไม่เลิกความคิดนี้ไป เราก็เลยทำเป็นว่าวันเกิดกับปีใหม่ไม่มีอยู่จริง © Bamcfp / Reddit

ไหนเล่าให้เราฟังหน่อยซิ ว่าเคยไหมที่เห็นอะไรแล้วเข้าใจได้เลยว่าคน ๆ นั้นเคยใช้ชีวิตยากลำบากมาก่อน ?

เครดิตภาพพรีวิว piqsels, Pxfuel
ชีวิตสดใส/จิตวิทยา/12 นิสัยที่บอกว่าคน ๆ นั้นเติบโตมาจากครอบครัวที่ขัดสน
แชร์บทความนี้