ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

ฉันปฏิเสธที่จะไม่เลี้ยงลูกให้พี่สาวและตอนนี้ทั้งครอบครัวก็บอกว่าฉัน “เห็นแก่ตัว”

มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะได้เจอกับคนที่ไม่เคยถูกเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวขอให้เลี้ยงลูกให้มาก่อน ในบางครั้งเมื่อสถานการณ์ควบคุมไม่ได้ และทันใดนั้นคุณก็กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กเต็มเวลาของใครบางคนโดยไม่ได้ตั้งใจไปซะอย่างนั้น การปฏิเสธคนที่คุณรักไม่ใช่เรื่องง่ายและถ้าคุณรวบรวมความกล้าและทำมันออกไป ก็มีโอกาสที่คุณจะถูกเรียกว่าเป็น “คนใจจืดใจดำ” หรือแม้กระทั่ง “คนเห็นแก่ตัว” ก็ได้

ลิซ่า (Liza) หนึ่งในผู้อ่านของชีวิตสดใสพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกันนี้ และนี่คือข้อความที่เธออยากจะบอกเรา

เราที่ชีวิตสดใสร่วมมือกันเพื่อช่วยลิซ่าหาทางออก และทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับพี่สาวและพ่อแม่กลับมาดีเหมือนเดิม และนี่คือสิ่งที่เราคิดออก

  • ใจเย็น ๆ และหยุดคุยกันไปก่อนซักพัก การโต้เถียงอันร้อนแรงและอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้แทบจะไม่ได้ช่วยให้คุณหาข้อตกลงกับพี่สาวและพ่อแม่ของคุณได้เลย สิ่งที่คุณต้องทำก็คือสงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อยเพื่อที่จะได้พร้อมสำหรับบทสนทนาที่มีเหตุผล
  • บอกเธอว่าคุณรู้สึกยังไง เมื่อคุณพร้อมที่จะกลับมาพูดคุยกันอย่างสงบ บอกแอมเบอร์ (Amber) ว่าคุณรู้สึกยังไง อารมณ์เชิงลบที่เราเก็บไว้ภายในอาจจะส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพจิตของเราและความสัมพันธ์ของเรากับคนอื่นได้ บอกให้แอมเบอร์พูดถึงความรู้สึกของเธอด้วย มันอาจจะเป็นเพราะว่าคุณทั้งสองคนมองไม่เห็นภาพรวมว่าเกิดอะไรขึ้นในชีวิตของแต่ละคน การเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงและความพยายามจะช่วยให้คุณเข้าใจกันได้ดีขึ้น
  • สนับสนุนมุมมองของคุณด้วยข้อเท็จจริง เตือนแอมเบอร์ว่าจริง ๆ แล้วการเลี้ยงเด็กนั้นเป็นงานที่คนเราได้รับเงินจากการทำสิ่งนั้น ค่าจ้างในการเลี้ยงเด็กอยู่ที่ประมาณ 630 บาท/ชั่วโมง (19 ดอลลาร์/ ชั่วโมง) โดยเฉลี่ย และพี่เลี้ยงเด็กหลายคนก็ได้ทิปจากการทำงานที่ยอดเยี่ยม ลองอธิบายให้แอมเบอร์ฟังว่าคุณไม่ได้รังเกียจที่จะเลี้ยงหลานนาน ๆ ครั้ง แต่คุณจะไม่ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำงานโดยที่ไม่ได้เงิน
  • ช่วยหาทางออก อย่าวิจารณ์ว่าแอมเบอร์เอาแต่จะขอความช่วยเหลือคุณอยู่ตลอด ลองช่วยกันนึกวิธีการแก้ปัญหาแบบอื่น ๆ เช่น คุณอาจจะช่วยแอมเบอร์หาพี่เลี้ยงเด็กดี ๆ หรือไม่ก็ช่วยหาโรงเรียนอนุบาลหรือสถานรับเลี้ยงเด็กที่เด็ก ๆ จะใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวันที่นั่นได้
  • กำหนดขอบเขตให้ชัดเจน สิ่งที่เราเข้าใจจากข้อความของคุณคือคุณไม่ได้รังเกียจที่จะใช้เวลากับลูก ๆ ของแอมเบอร์ เป็นความคิดที่ดีในการตกลงกันถึงขอบเขตของเวลาที่ชัดเจน เพื่อที่มันจะได้ไม่กลายเป็นกะเข้างานของการเลี้ยงเด็กแบบไม่มีเวลาสิ้นสุดสำหรับคุณในอนาคต เช่น คุณอาจจะบอกแอมเบอร์ว่าคุณยินดีที่จะพาหลาน ๆ ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะซักสองสามชั่วโมงทุกวันเสาร์
  • เล่าชีวิตของคุณให้เธอฟังมากขึ้น การที่แอมเบอร์เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่มีเวลาว่าง เธออาจจะไม่ได้คิดว่าคุณก็มีอะไรมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตเช่นกัน เล่ารายละเอียดของหลาย ๆ สิ่งที่คุณต้องทำและสถานที่กี่แห่งที่คุณต้องไปในระหว่างวัน ครั้งต่อไปถ้าเธออยากจะขอให้คุณดูแลลูกให้ เธออาจจะทบทวนดูอีกที
  • ใช้เวลาด้วยกันกับแอมเบอร์แบบที่พวกคุณเคยทำบ้าง ตอนนี้คุณทั้งสองคนเป็นผู้ใหญ่แล้ว คุณจะชอปปิ้งหรือดูหนังด้วยกันอย่างสนุกสนานได้มาก เหมือนกับวันเวลาดี ๆ ในอดีต มันจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณทั้งสองคนและช่วยปลดปล่อยความเครียดได้ หลังจากที่คุณและแอมเบอร์คืนดีกันแล้ว คุณทั้งสองคนก็อาจจะคุยกับพ่อแม่และพูดคุยถึงวิธีแก้ปัญหาที่คุณนึกออก

เราหวังว่ามันจะช่วยให้คุณและพี่สาวคืนดีกันและเข้าใจกันได้มากขึ้นนะ

คุณเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกันนี้บ้างไหม ? คุณทำยังไงเพื่อให้ความสัมพันธ์กับญาติสนิทของคุณกลับมาดีอีกครั้ง ?

เครดิตภาพพรีวิว Depositphotos.com
ชีวิตสดใส/จิตวิทยา/ฉันปฏิเสธที่จะไม่เลี้ยงลูกให้พี่สาวและตอนนี้ทั้งครอบครัวก็บอกว่าฉัน “เห็นแก่ตัว”
แชร์บทความนี้