ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

15 เรื่องที่คู่รักลืมคุยกันก่อนที่จะแต่งงาน

การขาดความเข้ากันได้และการสื่อสารคือสองเหตุผลที่พบมากที่สุดของคนที่หย่าร้างกัน คนที่อยากจะมีชีวิตแต่งงานที่ยืนยาวตลอดชีวิต ควรที่จะเอาความคาดหวังและอดีตของตัวเองมาพูดคุยกันให้ทะลุปรุโปร่งก่อนที่จะตอบตกลงแต่งงานกัน การทำแบบนี้ อย่างน้อยก็จะทำให้พวกเขาได้เตรียมตัวเมื่อพวกเขาต้องเจอกับอุปสรรคในตอนที่เป็นคู่แต่งงานกันได้

ชีวิตสดใสได้สำรวจสิ่งที่ทำให้คนที่กำลังคิดจะแต่งงานอาจจะต้องคุยกันก่อนที่จะคิดเข้าหอมาให้แล้ว

1. “เราจะเอาการเงินมารวมกันอย่างไร ?”

การวางแผนการจัดการการเงินที่คุณสองคนจะได้ต่อไปข้างหน้าเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ละคนอาจจะต้องกันส่วนของตัวเองออกมาใส่ในบัญชีที่ใช้ร่วมกันที่คู่สามีภรรยาต้องแบ่งเอามาใส่ไว้ในแต่ละเดือน ส่วนจำนวนที่ต้องฝากเข้าไปต่อเดือนก็ขึ้นอยู่กับว่ารายได้ของพวกเขาในแต่ละเดือนมีเท่าไร ซึ่งจะต้องคุยและตกลงกัน นอกจากนั้นการตัดสินใจว่าเงินที่อยู่ในบัญชีร่วมนี้จะเอาไปใช้อะไรได้บ้างก็เป็นเรื่องที่ควรจะถามกันด้วย

2. “คุณมีหนี้อยู่ทั้งหมดเท่าไร ?”

การยืนยันให้รู้ว่าหนี้สินของแต่ละคนมีอยู่เท่าไรจะช่วยให้คุณทั้งสองคนวางแผนจัดการมันล่วงหน้าได้ ไม่มีใครสนุกกับการมารู้เรื่องหนี้ของคู่แต่งงานตัวเองหลังจากแต่งงานแล้วหรอก ใคร ๆ ก็จะรู้สึกว่าถูกหักหลังถ้าพวกเขามาเจอจำนวนหนี้สินที่คู่ชีวิตมีเอาตอนหลังการแต่งงาน อีกอย่าง นี่อาจจะเป็นผลกระทบไปถึงเรื่องการเชื่อใจในตัวคู่ของพวกเขาด้วย

3. “เราจะเก็บเงินสำหรับเกษียณอย่างไร ?”

วันหนึ่ง ทุกคนก็ต้องเกษียณจากงาน และการแต่งงานก็หมายความว่าต้องรวมเอาอีกคนเข้าไปอยู่ในแผนการเกษียณของคุณด้วย คุณจำเป็นต้องวางแผนอย่างน้อยก็ให้เพียงพอต่อคนสองคน และต้องรวมค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ในกรณีที่คุณคนใดคนหนึ่งจะป่วยขึ้นมาด้วย

4. “คุณตั้งใจจะมีลูกหรือเปล่า ?”

ไม่ใช่ทุกคนที่อยากแต่งงานจะอยากมีลูก และแม้ว่าคู่แต่งงานทั้งสองคนจะอยากมีลูก ก็ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องปรึกษากันอยู่ดี อย่างเช่นการเลี้ยงลูก จะทำยังไงถ้าลูกไม่สมประกอบ หรือจะทำยังไงถ้าลูกโตขึ้นมาแล้วไม่เป็นอย่างที่คุณคาดหวังเอาไว้

5. “จะทำอย่างไรถ้ามีลูกไม่ได้ ?”

สำหรับบางคน การมีลูกคือสิ่งที่ต้องทำให้ได้ ดังนั้นถ้าหากคู่แต่งงานไม่สามารถมีลูกได้ พวกเขาควรจะคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป พวกเขาอาจจะเลือกรับเลี้ยงลูกบุญธรรม อุ้มบุญ หรือทำเด็กหลอดแก้ว หรือว่าจะหย่าแล้วไปแต่งงานกับคนอื่นแทน

6. “จะแบ่งหน้าที่ในบ้านกันอย่างไร ?”

งานบ้านอาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ให้คุยกัน แต่สิ่งเหล่านี้ก็อาจจะนำไปสู่การทะเลาะกันใหญ่โตได้ นี่ก็เพราะว่าไม่คนใดก็คนหนึ่งจะรู้สึกว่าตัวเองทำงานบ้านอยู่คนเดียวมากเกินไป เพื่อให้แน่ใจว่าในบ้านจะมีแต่ความสงบสุข จะเป็นการดีกว่าที่จะคุยกันเรื่องงานบ้านให้ดีว่าใครรับหน้าที่ทำอะไร

7. “คุณมองการนอกใจว่าอย่างไร ?”

เราอาจจะคิดว่ามีความเข้าใจตรงกันในระดับสากลว่ามีอะไรบ้างที่นับว่าเป็นการนอกใจ แต่เรื่องนี้อาจจะมีความหมายต่างออกไปในแต่ละคนก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น คนหนึ่งอาจจะคิดว่าการจูบเป็นการนอกใจ ขณะที่อีกคนอาจจะคิดว่าการไปเจอกับแฟนเก่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ และยังมีคนที่คิดว่าการไปหลงรักคนอื่นเป็นการนอกใจอีกด้วย ฉะนั้นแล้ว คู่รักควรจะคุยกันว่าพวกเขาสะดวกใจแค่ไหนกับความใกล้ชิดที่อีกฝ่ายมีกับคนอื่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้

8. “ความฝันและแผนการในอนาคตเป็นอย่างไร ?”

“คุณมองตัวเองไว้อย่างไรในอีก 5 ถึง 30 ปีในการดำเนินชีวิต” นี่อาจจะฟังดูแล้วเหมือนคำถามสัมภาษณ์งาน แต่ความฝันของอีกคนหนึ่งอาจจะไม่เข้ากันกับแนวคิดเรื่องการแต่งงานที่มีความสุขของคู่เขาก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น คนหนึ่งอาจจะยินยอมลำบากในฐานะศิลปินก่อนที่จะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ภายหลัง และอีกคนก็อาจจะแค่อยากมีชีวิตที่มั่นคงกับรายได้ที่มั่นคงก็ได้ การถามคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณวาดภาพว่าชีวิตที่จะใช้ร่วมกันจะเป็นอย่างไร

9. “สิ่งที่คุณทนไม่ได้มีอะไรบ้าง ?”

ทุกคนมีเรื่องที่ไม่ถูกโรคมาก ๆ เป็นของตัวเอง และจะเป็นการฉลาดถ้าจะบอกกันก่อนว่าสิ่งนั้นคืออะไรเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันได้ ยกตัวอย่าง คน ๆ หนึ่งอาจจะชอบให้ทุกอย่างเป็นระเบียบ ขณะที่คู่ของเขาอาจจะรู้สึกสบายใจกับสภาพแวดล้อมที่ยุ่งเหยิงมากกว่า ถ้าคุยเรื่องนี้กันก่อนเสียแต่เนิ่น ๆ ก็อาจจะประนีประนอมกันได้

10. “คุณวางแผนจะดูแล/ให้สิ่งต่าง ๆ กับพ่อแม่คุณอย่างไร ?”

พ่อแม่จะแก่ตัวลงและบางทีก็อาจจะป่วยได้ด้วย ซึ่งหมายความว่าพวกเขาอาจจะต้องการการดูแล การตัดสินใจว่าคุณจะอยู่ร่วมกับพวกท่านหรือไม่ ใครจะเป็นคนดูแลพวกท่าน หรือว่าคุณจัดสรรจะให้สิ่งต่าง ๆ กับพวกท่านอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ดีที่คู่รักควรจะตัดสินใจเอามาคุยกันก่อนแต่งงาน

11. “ประวัติสุขภาพกายและสุขภาพจิตคุณเป็นอย่างไร ?”

ความเข้ากันได้ในทางชีววิทยาสำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าทั้งคู่วางแผนจะมีลูกกัน อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ควรที่จะตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสุขภาพทางร่างกายและจิตใจต่อกัน รวมถึงครอบครัวของพวกเขาด้วย แบบนั้นแล้วพวกเขาก็จะสามารถเตรียมใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

12. “คุณอยากอยู่ที่ไหน ?”

แม้ว่าจะเห็น ๆ กันอยู่ว่าผู้คนมักจะเพิกเฉยที่จะคุยเรื่องนี้ก่อนจะแต่งงานก็ตามเถอะ ไม่ว่าพวกเขาจะอยากอยู่นอกเมืองหรืออยากอยู่ในเมืองก็อาจจะนำไปสู่ความแตกต่างในชีวิตที่พวกเขาจะใช้ร่วมกันได้ มันอาจจะนำไปสู่ความไม่พึงพอใจถ้าคนใดคนหนึ่งอยากจะไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์และอีกคนหนึ่งกลับฝันที่จะอยู่ในบ้านที่มีนอกชานยื่นออกมา อาจจะมีการทะเลาะกันได้ถ้าคนหนึ่งอยากจะอยู่ใกล้เพื่อนและครอบครัวในขณะที่อีกคนคิดว่าบ้านเดิมเป็นแค่ที่พำนักชั่วคราวเท่านั้น

13. “คุณอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากแค่ไหน ?”

แม้ว่าการแต่งงานมักจะหมายถึงการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคู่รักจะต้องอยากใช้เวลาทั้งหมดอยู่ด้วยกันแบบ 24 ชั่วโมงทุกวัน พวกเขายังคงเป็นคนที่มีความต้องการของตัวเอง และบางทีพวกเขาก็อาจจะต้องให้พื้นที่แก่กันและกันให้ไปมีเวลาส่วนตัวบ้าง บางคนก็อาจจะอยากได้พื้นที่มากกว่าคนอื่น ดังนั้นมันจึงคุ้มค่าที่จะรู้ไว้ก่อนว่าพวกคุณคาดหวังอะไรจากกันและกันก่อนจะแต่งงาน

14. “อยากให้เกิดอะไรขึ้นหลังจากคุณเสียชีวิตไปแล้ว ?”

นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดที่จะหยิบขึ้นมาพูด โดยเฉพาะเมื่อคนกำลังจะเริ่มฉลองการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแท้ ๆ แต่ว่ามันสำคัญมากเลยนะ ที่จะทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ตรงกัน ผู้คนมักจะมีความต้องการว่าตัวเองอยากจะถูกฝังหรือถูกเผาหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว และทุกคนก็ต่างมีความหวังที่แตกต่างกันว่าพวกเขาต้องการอย่างไรหากอยู่ในช่วงที่ต้องใช้เครื่องช่วยชีวิต แต่ไม่สามารถเลือกเองได้

15. “คุณมีความคาดหวังในชีวิตสังคมของคุณทั้งคู่ไว้อย่างไร ?”

เมื่อแต่งงานแล้ว คนก็มักจะถูกคาดหวังให้ไปออกงานต่าง ๆ ด้วยกัน แต่บางที แม้แต่คนที่แต่งงานแล้วก็อยากจะไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ โดยไม่เอาคู่แต่งงานไปที่นั่นด้วย ดังนั้นการคุยกันนะว่างานสังคมงานไหนที่พวกเขาควรจะไปด้วยกันอาจเป็นสิ่งที่ต้องทำ และพวกเขาควรจะรู้จักใครบ้างเมื่อแต่งงานกัน

มีเรื่องอะไรบ้างนอกจากนี้ที่คู่รักควรจะคุยกันก่อนแต่งงาน ถ้าคุณแต่งงาน สิ่งที่คุณจะคุยกับคนสำคัญก่อนที่จะแต่งงานมีอะไรบ้าง

แชร์บทความนี้