เคต วินสเล็ตกับการได้พบกับชายในฝันระหว่างเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านพัก: “ฉันวิ่งออกมาโดยคว้ามาแค่เสื้อใน พาสปอร์ตและลูก ๆ ฉันเท่านั้น”
บางครั้งความรักก็มักมาเคาะประตูทักทายเราแบบที่เราไม่ได้คาดฝันและไม่ทันตั้งตัว นักแสดงสาวที่พวกเราต่างหลงรัก เคต วินสเล็ต (Kate Winslet) ได้นำพาเรื่องราวความรักโรแมนติกมาให้เราได้รับชมกันมานานหลายต่อหลายปีแล้ว ดังนั้นถึงเวลาที่เธอจะได้มีความรักและได้รักความรักอย่างลึกซึ้งบ้างสักที เรื่องราวของเธอกับสามีเริ่มต้นขึ้นอย่างแปลกประหลาดมาก แต่สุดท้ายแล้วก็กลับกลายเป็นเรื่องราวดั่งเทพนิยายสำหรับเธอไปได้
ชีวิตสดใสเชื่อว่าความรักเกิดขึ้นได้ในทุกสถานการณ์ เราจึงอยากที่จะแชร์เรื่องราวความรักของเคต วินสเล็ตและสามีของเธอให้ทุกคนได้อ่านกัน
เคตเคยแต่งงานมาแล้วสองครั้งก่อนหน้านี้
ชีวิตรักของนักแสดงนำจากเรื่องไททานิค (Titanic) คนนี้ ไม่ง่ายดายเลย ในฐานะที่เป็นหญิงสาวผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างสูง แต่การแต่งงานครั้งก่อน ๆ ของเธอกลับไม่เป็นเหมือนดังหวัง การแต่งงานครั้งแรกของเคตยืนยาวเพียงแค่ 3 ปี และ 8 ปีสำหรับการแต่งงานครั้งที่สอง เธอกลายเป็นคุณแม่ของมีอา (Mia) ในปี 2000 และโจ (Joe) ในปี 2003
เนื่องจากว่าเราคงไม่มีทางรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับบรรดาคู่แต่งงานก่อนหน้านี้ เคตได้บอกเล่าถ้อยคำเหล่านี้ในตอนที่เธอพูดถึงการหย่าร้างครั้งก่อน ๆ ของเธอ “ฉันรู้จักผู้คนมากมายที่ไม่ได้เป็นที่จับตามองของสาธารณชน และเคยผันผ่านการแต่งงานมาหลายต่อหลายครั้ง ฉันรู้จักจริง ๆ นะ และเรื่องเหล่านั้นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ชีวิตหยิบยื่นมาให้ฉันเท่านั้น ฉันไม่ได้อยากจะให้มันออกมาเป็นแบบนี้เหมือนกัน มันไม่ได้ง่ายเลย”
มีอยู่วันหนึ่ง เธอต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
เมื่อปี 2011 นักแสดงสาวแถวหน้าคนนี้ไปพักร้อนกับลูกสาวมีอาและลูกชายโจที่เกาะเนกเกอร์ (Necker Island) เกาะส่วนตัวสุดหรูที่ดำเนินการโดยเวอร์จิน ลิมิเต็ด อิดิชัน (Virgin Limited Edition) ซึ่งเป็นของมหาเศรษฐี ริชาร์ด แบรนสัน (Richard Branson) มีอยู่วันหนึ่งระหว่างที่พำนักอยู่ที่นั่นก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้นและลุกลามเผาไหม้มาถึงที่พักที่พวกเธอพักอยู่
โชคดีที่เธอกับลูก ๆ หนีออกมาจากภยันตรายนั้นได้ทันเวลา เธอจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้และพูดว่า “ฉันคว้าเสื้อใน พาสปอร์ตและลูก ๆ ฉันออกมาเท่านั้น” แต่ในขณะที่เธอหลบหนีออกมาจากสถานการณ์อันตรายนั้น เธอก็ได้พบกับบางอย่างที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล
ทั้ง 2 ต่างคลิกกันและตกหลุมรักกันและกันในทันที
ในวันนั้นเองที่เคตได้พบกับเน็ด ร็อคแอนด์โรล (Ned Rocknroll) ผู้เป็นหลานชายเจ้าของที่พักแห่งนี้ ที่กำลังพักอยู่บนเกาะในที่พักหลังติดกันนี่เอง เธอจำได้ว่า “เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่มีไฟฉายสวมหัวหนึ่งอันกับรองเท้าหนึ่งคู่ ในขณะที่คนอื่น ๆ ทิ้งทรัพย์สินอื่น ๆ ไว้หมดไม่ได้เอาออกมา” น่าจะพอพูดได้ว่าพวกเขามาพบกันในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดสุด ๆ แต่พวกเขาก็คบหากันนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ชื่อจริงของเขาคือเอดเวิร์ด อาเบล สมิธ (Edward Abel Smith) ซึ่งเขาใช้ชื่อว่าเน็ด ร็อคแอนด์โรลแทน โดยเขาเปลี่ยนชื่อเพราะเขาเชื่อว่าชื่อเดิมนั้น “น่าเบื่อ” จนเกินไป เคตมีความสุขในการมีเขาอยู่เคียงข้างมากและเคยพูดไว้ว่า “เขาเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองมาก”
ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2012
เน็ดขอเคตแต่งงานในช่วงฤดูร้อนของปี 2012 และพวกเขาทั้งคู่ก็แต่งงานกันที่นิวยอร์กในเดือนธันวาคมในปีเดียวกัน โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดเคยกล่าวไว้ว่าพิธีแต่งงานของพวกเขาถูกจัดขึ้นอย่างเป็นส่วนตัว มีคนเข้าร่วมคือลูก ๆ สองคน เพื่อน ๆ ไม่กี่คนและคนในครอบครัวเท่านั้น
ถึงแม้เราจะไม่ค่อยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับงานแต่งงานของทั้งสองมากนัก แต่เราแน่ใจว่ามันต้องสวยงามและเป็นที่น่าจดจำในชีวิตรักของพวกเขาอย่างแน่นอน คู่รักคู่นี้ได้ต้อนรับลูกชายของพวกเขา แบร์ (Bear) ในปี 2013 ซึ่งเป็นลูกคนที่ 3 ของเคต
เน็ดเป็นคนที่สนับสนุนภรรยาและครอบครัวของตัวเองเป็นอย่างมาก
เคตเคยเล่าหลายต่อหลายครั้งว่าเธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากมายเพียงใดที่ได้อยู่กับเน็ด สามีของเธอ บ่อยครั้งที่เธอมักจะพูดถึงเขาว่าเป็น “คู่ชีวิตที่พิเศษสุด ๆ” เขาคอยให้กำลังใจและสนับสนุนเธอระหว่างเธอทำงาน และยังดูแลเธอและครอบครัวเล็ก ๆ ของพวกเขาเป็นอย่างดี ซึ่งเราสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงบอกว่าเขา “ฮอตสุด ๆ, เป็นยอดมนุษย์, เป็นคุณพ่อผู้ติดบ้าน” ระหว่างการสัมภาษณ์เมื่อเธอถูกถามถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเขา
นอกจากนี้ เขายอมกระทั่งเปลี่ยนนามสกุลของตัวเองกลับไปเป็นสมิธ เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบต่อลูกของเขาเองและอยากจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ในที่สุดเคตก็ได้พบกับเนื้อคู่ของตัวเอง เธอต้องผันผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในวันที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ก็จริง แต่ก็ได้ครอบครัวที่น่ารักและคอยเป็นห่วงเป็นใยเธอกลับมา “ฉันเชื่อว่าคนแปลกหน้าสองคนสามารถมาพบกันได้ และชีวิตของพวกเขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายจนพวกเขาคงไม่อาจย้อนกลับไปเป็นคนเดิมกับที่เคยเป็นได้อีกแล้ว”
คุณคิดว่าการได้พบความรักท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวายเป็นไปได้หรือไม่ ? ไหนคุณคิดว่าอย่างไรต่อเรื่องนี้บ้าง บอกให้เราฟังได้ในคอมเมนต์นี้เลย !