ผู้ชายอาจปวดใจมากกว่าผู้หญิงในระหว่างที่เลิกรากัน แล้วนี่ก็คือเหตุผลสำหรับเรื่องนี้
การเลิกราสามารถทำลายหัวใจของผู้หญิงได้อย่างแท้จริง แต่เมื่อไม่นานมานี้กลุ่มผู้มีความคิดฉลาดหลักแหลมได้ศึกษาดูว่าหนุ่ม ๆ อาจเสียใจได้มากกว่าคนรักฝ่ายหญิงหลังจากที่พวกเขาแยกทางกัน โดยผู้ชายมีอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้นเมื่อพูดถึงเรื่องความปวดใจ (ใช่แล้วล่ะ พวกเขาก็พูดถึงเรื่องนั้นด้วย) และข้อสรุปที่น่าสนใจเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาความสัมพันธ์ที่ทำโดยนักจิตวิทยา
การค้นพบนี้ได้กระตุ้นความอยากรู้ของเราที่ชีวิตสดใส ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะดูรายงานชิ้นนี้และแบ่งปันประเด็นที่น่าสนใจที่สุดให้กับคุณ
ผู้ชายมักจะมองหาความช่วยเหลือด้านความสัมพันธ์ทางออนไลน์
สำหรับการรวบรวมข้อมูลแล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจดูโพสต์ของผู้คนกว่า 184,000 คนบนเว็บไซต์เรดดิต (Reddit) ซึ่งเป็นกระดานสนทนาออนไลน์ขนาดใหญ่ โดยเลือกเฉพาะในชุมชนที่ติดแท็กคำว่า “r/relationships” (ความสัมพันธ์)
ผลการวิจัยของพวกเขาได้เผยว่าประมาณ 55% ของผู้ใช้ที่ขอความช่วยเหลือในเรื่องปัญหาความรักของพวกเขาเป็นผู้ชาย ในขณะที่ผู้หญิงมีประมาณ 45% เท่านั้น
ผลการวิจัยยังได้เผยอีกว่า “อาการปวดใจ” เป็นหัวข้อที่พบบ่อยที่สุดในการโพสต์ ส่วนหัวข้ออื่น ๆ เช่น เวลา คุณสมบัติส่วนตัว ปัญหาความไว้วางใจ และความสนิทสนมก็ยังถูกกล่าวถึงในกระดานสนทนาด้วย
นักวิจัยเชื่อว่าการไม่เปิดเผยตัวตนตามช่องทางบนโลกออนไลน์ช่วยให้ผู้ชายแสดงอารมณ์ได้อย่างอิสระ
ภาพลักษณ์เหมารวมของความเป็นชายที่ล้าสมัยหรือความคิดที่ว่า “เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้” ได้ส่งผลกระทบบางอย่างกับผู้ชายในการจัดการกับความรู้สึกของพวกเขา
ดังที่ผู้ใช้เว็บไซต์เรดดิตรายหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นในกระดานสนทนาว่า “ผู้ชายไม่ควรแสดงความเศร้าหรือความท้อแท้ ดังนั้นเราจึงมักจะเก็บไว้มันกับตัวเอง เพราะเราจำเป็นต้องทำมัน แถมยังไม่มีเพื่อนคนไหนอยากได้ยินเรื่องแย่ ๆ และเราก็หวังว่าตัวเราทำสิ่งที่ต่างออกไป ฯลฯ ”
ทีมวิจัยได้กล่าวว่า “ลักษณะที่ไม่เปิดเผยตัวตน ความสะดวก และเข้าถึงได้ในวงกว้าง” ของเว็บไซต์เรดดิตทำให้เหล่าสุภาพบุรุษ ๆ ทั้งหลาย (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายวัยหนุ่ม) สามารถเปิดเผยจิตวิญญาณของพวกเขาได้
ในทางกลับกันผู้หญิงมักจะมองหาความช่วยเหลือแบบเจอหน้ากันหรือเข้ารับการบำบัดมากกว่า
ผู้ชายมีอารมณ์ความรู้สึกปวดใจมากกว่าผู้หญิง
สิ่งนี้อาจทำให้ฉงนใจ แต่จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของทีมวิจัยพบว่าพวกเขาพูดคุยกันในหัวข้อที่ครอบคลุมเรื่องความปวดใจ การออกเดท ปาร์ตี้ และคุณสมบัติส่วนตัว
ในขณะเดียวกันสาว ๆ ก็ได้พูดคุยเรื่องความกังวลของพวกเธอมากขึ้นในแง่ของการกระทำที่ไม่ดี การเงิน ระยะทาง และงานบ้าน
ชาร์ลอตต์ เอนทวิสเซิล (Charlotte Entwistle) หัวหน้าทีมวิจัยได้กล่าวว่า “ผู้ชายมักพูดถึงประเด็นเรื่องความปวดใจมากกว่า โดยเน้นไปว่าอย่างน้อยผู้ชายก็ได้รับผลกระทบทางอารมณ์จากปัญหาความสัมพันธ์ไม่ต่างจากผู้หญิง”
นักวิจัยยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าหนุ่ม ๆ ส่วนใหญ่ต้องการการสนับสนุนในขณะที่ปัญหายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ในทางกลับกันสาว ๆ มักจะขอความช่วยเหลือเมื่อความสัมพันธ์เกิดวิกฤติขั้นรุนแรงแล้ว
ผู้ชายดูเหมือนจะมั่นใจในความสัมพันธ์มากกว่าผู้หญิง
ภาษาที่ใช้โดยแต่ละเพศยังเผยให้เห็นรูปแบบบางอย่าง โดยมีรายงานที่พบว่าผู้หญิงใช้ภาษาที่เน้นตนเองมากกว่า (คำว่า “ฉัน”) และมีอารมณ์เชิงลบมากขึ้นในโพสต์ของพวกเธอ
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเชื่อว่าผู้หญิงส่วนใหญ่อยู่ในสถานะที่หมกมุ่นอยู่กับการผูกมัด โดยเป็นรูปแบบความผูกพันที่โดดเด่นในเรื่องความสงสัยในตนเอง ซึ่งมักส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงและความวิตกกังวล
ในทางตรงกันข้ามผู้ชายใช้สรรพนามคำว่า “เรา” มากกว่า โดยใช้ควบคู่ไปกับคำที่เกี่ยวข้องและอารมณ์เชิงบวก เป็นสัญญาณที่สอดคล้องกับสถานะความผูกพันที่ปลอดภัย ซึ่งเกี่ยวข้องกับความไว้วางใจและความรู้สึกเชิงบวกในเรื่องความสัมพันธ์
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ควรรู้ไว้ก็คือคนที่ถูกระบุว่ามีสถานะแบบไม่ผูกมัด หรือคนที่ไม่ให้ค่าในความสัมพันธ์ ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้ชาย
นักวิจัยหวังว่าการค้นพบนี้จะแก้ไขเรื่องการตีตราผู้ชายในเชิงลบ
ดร. ไรอัน บอยด์ (Dr. Ryan Boyd) หัวหน้าทีมวิจัยเชื่อว่าการศึกษานี้ได้ท้าทายแนวคิดทั่วไปในเรื่องความแตกต่างระหว่างเพศเมื่อพูดถึงความสัมพันธ์รักต่างเพศ
เขาได้กล่าวว่า “เมื่อคุณลบการตีตราผู้ชายทางสังคมแบบเดิม ๆ ในเรื่องขอความช่วยเหลือและแสดงออกทางอารมณ์ของพวกเขา... ก็ดูเหมือนพวกเขาได้ทุ่มเทให้กับการปะติดปะต่อรอยร้าวในความสัมพันธ์ไม่ต่างจากผู้หญิง”
คุณคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับข้อสรุปของผลการศึกษานี้ ? แล้วการเหมารวมเรื่องเพศข้ออื่น ๆ ที่คุณคิดว่าควรล้มเลิกไปหรือพิจารณาดูใหม่มีอะไรบ้าง
คุณมีภาพถ่ายหรือเรื่องราวเจ๋ง ๆ แล้วอยากจะนำเสนอกับทางชีวิตสดใสหรือไม่ ? ส่งทั้งหมดมาที่นี่และตอนนี้ได้เลย ทางเรากำลังรอคุณอยู่นะ !