ทำไมคู่รักที่มีความสุขถึงชอบที่จะแยกกันนอนมากกว่า
จากการสำรวจพบว่ามีเพียง 14% ของคู่รักที่นอนแยกกันทุกคืน และในขณะที่พวกเราหลายคนอาจเชื่อในคำพูดที่ว่า “คู่รักที่นอนแยกกัน จะแยกทางกัน” มันมีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วมันตรงกันข้ามต่างหาก
พวกเราชีวิตสดใสเชื่อว่า ไม่ว่าจะนอนแบบไหนก็ไม่มีผิดไม่มีถูก เพราะสำหรับบางคนแล้ว การนอนแยกเตียงนั้นน่าพอใจพอๆ กับที่คนอื่นๆ มีความสุขที่ได้ใช้เตียงร่วมกับคู่รักของตนเอง เพียงแต่เรามีคำแนะนำดีๆ มาฝาก
การนอนไม่พอสามารถทำให้คู่รักทะเลาะกันได้
จากการวิจัยพบว่าการนอนเตียงเดียวกับคนรักที่มีพฤติกรรมนอนไม่หลับหรือหลับๆ ตื่นๆ สามารถทำให้คุณอดนอนได้ ถึง 49 นาทีในแต่ละคืน และเมื่อคู่นอนคนหนึ่งนอนหลับไม่เพียงพอเพราะอีกฝ่าย ก็มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกันเองในวันรุ่งขึ้น
อันที่จริง การศึกษายังยืนยันอีกว่าคู่รักที่มักจะนอนหลับไม่สนิทนั้นจะทะเลาะกันรุนแรงและบ่อยกว่าคู่ที่นอนหลับอย่างเพียงพอ ในทางกลับกัน คนที่นอนหลับได้อย่างเพียงพอมีแนวโน้มที่จะอารมณ์ดี มีระดับความเครียดน้อยกว่า และมีความอดทนมากกว่า
การไม่พอใจคนรักเพราะคุณนอนหลับไม่เพียงพออาจทำลายความสัมพันธ์ดีๆ ได้
การกรน การกระสับกระส่ายไปมา การเบียดบนเตียงหรือการแย่งผ้าห่มเป็นเพียงไม่กี่เหตุผลจากเหตุผลอีกมากมายที่คู่รักบางคู่เลือกนอนแยกเตียงกันหรือแม้แต่นอนแยกห้องกัน การต้องตื่นนอนเพราะได้ยินเสียงกรนของคู่นอนทั้งๆ ที่อุตส่าห์ข่มตานอนจนหลับไปได้แล้วอาจนำไปสู่ความโกรธ ความตึงเครียด และความขุ่นเคืองต่อคู่รักของคุณ
อ้างอิงจากเจนนิเฟอร์ อดัมส์(Jennifer Adams) ผู้เขียนเรื่อง Sleeping Apart Not Falling Apart การนอนโดยแยกห้องนอนสามารถช่วยให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไปได้ดีเพราะทั้งคู่ไม่ต้องอดนอน
คู่รักแต่ละคู่สามารถปรับสภาพการนอนให้เข้ากับความต้องการของตัวเองได้
ทีน่า คูเปอร์(Tina Cooper) นักสังคมสงเคราะห์ที่ได้รับใบอนุญาต ได้นอนแยกห้องกับคนรักของเธอเพราะทั้งคู่มีนิสัยการนอนที่ตรงกันข้ามกัน “ฉันเป็นคนนอนดึก แต่เขาเป็นคนนอนตื่นเช้า ฉันต้องการเสียงที่ผ่อนคลายเพื่อให้หลับ แต่เขาชอบความเงียบ เขาชอบที่นอนแข็งๆ ส่วนฉันชอบหมอนนุ่มๆ ใบใหญ่ๆ และเพราะฉันไม่ชอบแสงแดดยามเช้า แฟนของฉันเลยให้ฉันนอนห้องนอนใหญ่ซึ่งแสงน้อย ส่วนเขาไปนอนห้องที่ใหญ่รองลงมาซึ่งได้รับแสงแดดที่เขาชอบ”
วิธีที่คุณใช้เวลาช่วงกลางคืนในห้องนอนร่วมกับคู่รักของคุณอาจส่งผลต่อการทำงานในเวลากลางวัน ความพึงพอใจในคู่ชีวิต และสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกาย และเมื่อคน 2 คนที่มีเวลานอนและตารางเวลาช่วงกลางคืนที่ต่างกันมาอยู่ด้วยกัน การเปลี่ยนแปลงตัวเองเพียงเพื่อสนองความต้องการของอีกฝ่ายอาจส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวได้
การนอนแยกห้องกับคู่ของคุณ หมายความว่าคุณ 2 คนจะมีที่ส่วนตัวสำหรับตัวเองซึ่งเป็นที่ๆ คุณสามารถผ่อนคลายหลังจากวันที่เหน็ดเหนื่อย ด้วยวิธีนี้ คุณทั้งคู่จะสามารถตอบสนองความต้องการของตัวเองได้โดยไม่ต้องคอยย่องเบาๆ และกังวลว่าคู่ของคุณจะตื่นขึ้นมาหรือเปล่าเพราะคุณอยากซีรีย์ให้จบก่อนนอนยังไงล่ะ
แม้ว่าคุณจะจำไม่ได้ว่าตื่นตอนกลางดึก แต่การถูกรบกวนการนอนหลับอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมของคุณ
ในช่วงกลางคืน สมองของเราจะหมุนเวียนไปตามช่วงการนอนหลับหลายครั้ง ซึ่งช่วงที่ว่าคือ หลับตื้น หลับลึก และ REM (การนอนหลับที่มีการเคลื่อนไหวไปมาของตาอย่างรวดเร็ว) แต่เมื่อคุณขัดจังหวะวงจรนี้ด้วยการตื่นกลางดึก สมองของคุณจะใช้เวลาในช่วงหลับตื้นมากขึ้นและไปไม่ถึงช่วง REM และหากไม่ได้มีการหลับในช่วง REM อย่างเพียงพอ ความสุขทางอารมณ์และประสิทธิภาพการรับรู้ของคุณจะถูกลดทอนไป
การนอนหลับที่ถูกขัดจังหวะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะสั้นและระยะยาวได้ เช่น ความดันโลหิตสูง ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก ปัญหาสุขภาพจิต คุณภาพชีวิตที่ลดลง และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
ผู้คนใน เรดดิท (Reddit) ได้มีการแชร์ว่าทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจแยกกันนอนกับคนรัก
- “เพราะการนอนหลับอย่างมีความสุขนั้นโรแมนติกกว่าการได้นอนเตียงเดียวกัน ฉันกรนและชอบพลิกตัวไปมา ร่างกายของเขาคลายความร้อนออกมาในขณะหลับ และฉันก็ทนความร้อนไม่ไหว เวลาฉันอ่านหนังสือ เขาก็ทนแสงไฟไม่ได้ เรามีช่วงเวลาที่แตกต่างกันไปในระดับหนึ่ง ด้วยเหตุผลนับล้าน วิธีนี้ทำให้เราเข้ากันได้ดีมากกว่ามาก” - crankyweasels
- “ฉันกับคู่รักนอนแยกห้องกัน เรา ’นอนค้าง’ ห้องเดียวกันเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม การได้นอนแยกกันนั้นดีกว่าเป็นไหนๆ เขาเป็นคนนอนดึกแต่ฉันเป็นคนตื่นเช้า เขาอยากห่มผ้าแค่ผืนเดียว แต่ฉันอยากห่มผ้าห่มหนาๆ สรุปแล้ว การนอนแยกห้องกันช่วยให้ฉันสามารถตกแต่งห้องได้ตามต้องการ มีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง และรักษาความสะอาดให้อยู่ในระดับที่ฉันต้องการได้ เวลาที่ฉันพูดถึงการนอนแยกห้องให้คนอื่นฟัง พวกเขาจะมองฉันอย่างงงๆ แต่จะบอกอะไรให้ นี่คือวิธีที่ยอดเยี่ยมเลยล่ะ” - eriasana
- “เนื่องจากตารางการทำงานที่แตกต่างกัน ทำให้ช่วงเวลาที่เรานอนหลับนั้นต่างกัน แต่เราก็ยังรักกันสุดๆ และเราทั้งคู่ก็เห็นด้วยที่จะแยกห้องเพราะมันดีที่สุดสำหรับเราทั้งคู่” - AFishInATank
- “ในช่วงต้นของความสัมพันธ์ 90% ที่เราทะเลาะกันเกิดขึ้นในห้องนอน ผมชอบนอนในห้องเย็นๆ โดยเปิดพัดลมไว้และมีเสียงที่ดังสม่ำเสมออย่างพัดลม box fan ผมยังชอบเข้านอนโดยเปิดทีวีไว้ แต่เธอชอบนอนในห้องอุ่นๆ สงบ เงียบสนิทและมืด เราเริ่มแยกห้องนอนกัน และทันใดนั้น 90% ที่เราทะเลาะกันก็ยุติลง นอกจากนี้ เนื่องจากเราได้หลับสนิท การทะเลาะอื่นๆ จึงกลายเป็นการปรึกษาหารือกันที่จริงจังมากขึ้น” - ttc8420
คุณจัดการการนอนกับคู่รักของคุณอย่างไร? คุณเชื่อหรือไม่ว่าการนอนแยกเตียงกันสามารถช่วยให้ความสัมพันธ์เป็นไปในทางที่ดีได้?