ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

12 สิ่งที่คุณควรระวังก่อนจะโพสต์บางอย่างลงบนโซเชียลมีเดีย

หลายคนแชร์โพสต์และคอมเมนต์มากมายบนโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้นึกถึงผลที่ตามมาซึ่งอาจส่งผลต่อตัวคนโพสต์เอง ครอบครัวและเพื่อนๆ และแม้แต่บุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องโดยไม่สมัครใจ การโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของผู้คนมากเกินไปทำให้พวกเขาได้รับความเสี่ยงต่างๆ ตั้งแต่การถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวไปจนถึงการถูกหมิ่นประมาท ด้วยเหตุนี้ ก่อนอัปโหลดสิ่งต่างๆ ลงบนอินเทอร์เน็ต สิ่งสำคัญคือต้องคิดให้รอบคอบและแน่ใจว่าเราได้ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงการโพสต์สิ่งที่อาจกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าที่ควรจะเป็นในภายหลัง

ชีวิตสดใสได้รวบรวมบางประเภทของโพสต์ที่พบบ่อยที่สุดเราแชร์ทางออนไลน์ และได้ทำการวิจัยเล็กน้อยเพื่อดูว่าโพสต์เหล่านั้นจะส่งผลต่อเราอย่างไร หากไม่ระมัดระวังอย่างเพียงพอ

1. รูปภาพและข้อมูลส่วนตัวของลูกหลานของคุณ

มีการประเมินว่าเหล่าพ่อแม่ในปัจจุบันจะโพสต์ภาพประมาณ 1,000 ภาพบนเว็บไซต์โซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งคุณสามารถเห็นลูกๆ ของพวกเขาได้ก่อนจะอายุครบ 5 ขวบ นอกจากนี้ เด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่สามารถถูกตามบนอินเทอร์เน็ตได้เนื่องจากมีรูปภาพของพวกเขาอยู่ในโซเชี่ยลมีเดียเหล่านี้ตั้งแต่ก่อนอายุ 2 ขวบ นี่คือสิ่งที่สามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวได้ในภายหลัง ผู้คนเริ่มแข่งขันกันเพื่อให้ได้ไลค์มากขึ้นโดยไม่สนใจอันตรายของการเปิดเผยความเป็นส่วนตัวของลูกหลานของตนในการสนทนาทางออนไลน์

แต่นั่นไม่ใช่แค่การโพสต์ภาพที่กลายเป็นเรื่องเสี่ยง การให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูลูกหลานและสุขภาพของเด็กนั้นก็ไม่ควรเกิดขึ้นเช่นกัน ในขณะที่พ่อแม่มือใหม่หลายคนปรึกษาโซเชียลมีเดียเพื่อขอคำแนะนำจากคนอื่นๆ ที่อาจมีประสบการณ์มากกว่า การทำเช่นนี้อาจทำให้เด็กอับอายเมื่อถูกเปิดเผยปัญหาในลักษณะนี้ ต่อมา เด็กอาจตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดและการกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ตได้

2. วันเดือนปีเกิดของคุณ

การเผยแพร่วันเกิดของคุณเพื่อให้ผู้ติดต่อบนโซเชียลมีเดียได้รับการแจ้งเตือนและร่วมอวยพรกับคุณเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนทำในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในตอนแรกจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่การเปิดเผยข้อมูลนี้มีความเสี่ยงมากกว่าที่คนส่วนใหญ่คิด เนื่องจากคำถามเพื่อความปลอดภัยในการกู้คืนรหัสผ่านมักมีข้อมูลนี้อยู่ด้วย เพราะเป็นหนึ่งในสิ่งที่จำได้ง่ายที่สุด การเผยแพร่ข้อมูลวันเกิดสู่สาธารณะอาจส่งผลเสียกลับมาในกรณีนี้ เนื่องจากคุณกำลังทำให้ข้อมูลนี้ปรากฏแก่ทุกคนตลอดเวลา

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่งซึ่งคุณอาจเจอเมื่อเผยแพร่วันเกิดของคุณเป็นแบบสาธารณะในโปรไฟล์โซเชียลมีเดียของคุณคือเป็นการเอื้อให้ผู้อื่นเอาไปใช้เป็นรหัสผ่านของคุณสำหรับบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิต เนื่องจากโดยปกติแล้วรหัสเหล่านั้นมักประกอด้วยตัวเลข 4 หลัก หลายคนจึงใช้วันเกิดของตัวเองซึ่งแน่นอนว่าไม่แนะนำจริงๆ และในขณะที่หลายคนเพิ่มความระมัดระวังโดยนำรหัสที่เกี่ยวกับวันเกิดมาเรียงเลขใหม่โดยคิดว่าสามารถหลีกเลี่ยงการขโมยข้อมูลประจำตัวได้ ทางที่ดีที่สุดในการทำให้แน่ใจว่าข้อมูลของคุณปลอดภัยคือการไม่เปิดเผยมันต่อสาธารณะยังไงล่ะ

3. ข่าวปลอม

เป็นการยากที่จะปฏิเสธว่าการแบ่งปันข้อมูลบนโซเชียลมีเดียสามารถช่วยสร้างบรรยากาศของการพูดคุยกันได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าอิสรภาพใหม่นี้มาพร้อมกับผลกระทบ และเช่นเดียวกับในกรณีส่วนใหญ่ เราควรพยายามมองอีกด้านหนึ่งของสิ่งต่างๆ โซเชียลมีเดียยังสามารถทำให้เกิดการสร้างและเผยแพร่ข่าวปลอม สิ่งเหล่านี้มักจะถูกสร้างขึ้นด้วยเจตนาที่แตกต่างกันไป แต่ในบางกรณี เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าการทำแบบนี้ทำให้บุคคลหรือบริษัทเสียหายได้ โดยทำให้ข้อมูลที่ถูกเข้าใจผิดกลายเป็นไวรัล หรือเพื่อให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวสนับสนุนแนวคิดของตนในหัวข้อที่กล่าวถึง

การสร้างและแชร์ข่าวปลอมอาจมีผลกระทบหลายอย่าง รวมถึงความเกลียดชังที่เพิ่มขึ้นต่อคนบางกลุ่ม, การโจมตีความซื่อสัตย์ของคนๆ หนึ่ง และการทำให้สูญเสียชื่อเสียงของบริษัทหรือสื่อที่มีส่วนในการเผยแพร่ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ มันเป็นความคิดที่ดีเสมอที่จะค้นหาอย่างรวดเร็วและตรวจสอบสิ่งที่คุณอ่านทางออนไลน์อย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าบทความหรือข้อมูลที่เป็นปัญหานั้นมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้หรืออย่างน้อยก็ได้รับการรับรอง โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในเรื่องนั้นๆ

4. การสนทนาส่วนตัว

มีคนจำนวนมากที่ไม่เจอปัญหาในการแชร์ภาพหน้าจอของการสนทนา WhatsApp ส่วนตัว อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้เกิดขึ้นได้กับการส่งข้อความในแอปอื่นๆ ด้วย แม้ว่าจะเป็นกรณีที่เราได้รับความยินยอมจากบุคคลอื่น ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก การทำเช่นนั้นอาจถือเป็นอาชญากรรมในหลายประเทศหากคุณละเมิดสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวของการสนทนา เปิดเผยความลับ และ/หรือทำลายชื่อเสียงของผู้ที่เกี่ยวข้องในการสนทนา

แม้ว่าปัญหานี้จะมีความแตกต่างกันไป แต่บุคคลหรือสื่อที่แชร์การสนทนาส่วนตัวอาจถูกประณามจากบุคคลที่อาจได้รับผลกระทบจากภาพหน้าจอที่ประมาทเลินเล่อ ด้วยเหตุนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย วิธีที่ดีที่สุดคือปฏิบัติต่อความเป็นส่วนตัวตามที่มันควรจะเป็น นั่นคือ ส่วนตัว นั่นหมายถึงการไม่แบ่งปันการสนทนาส่วนตัวกับเพื่อนหรือบุคคลที่สามที่ไม่เกี่ยวข้องตั้งแต่แรก

5. รูปภาพที่แสดงสิ่งที่น่าอายหรือมีข้อมูลที่เป็นความลับ

ไม่ว่ารูปภาพที่คุณอัปโหลดไปยังโซเชียลมีเดียจะดูไม่เป็นอันตรายเพียงใด คุณควรคิดให้รอบคอบก่อนเผยแพร่สู่สาธารณะ จำไว้ว่า หากคุณไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ปรากฏในภาพ คุณอาจเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้ เห็นได้ชัดว่าถ้าเหตุการณ์ประเภทนี้เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดปัญหามากมาย ตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งเคยมีการโพสต์รูปภาพสถานที่ทำงานของเจ้าชายวิลเลียมทางออนไลน์ และนั่นเป็นการเปิดเผยรหัสผ่านระบบกระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักรโดยบังเอิญ จากนั้นรัฐบาลจึงถูกบังคับให้รีเซ็ตทั้งระบบและเปลี่ยนรหัสผ่าน

ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการเอาความเป็นส่วนตัวไปเผยแพร่ออนไลน์: หากคุณต้องการถ่ายภาพตัวเองในที่ทำงาน ที่บ้าน หรือที่ใดก็ตาม คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าในภาพไม่มีหน้าจอคอมพิวเตอร์ ใบแจ้งยอดจากธนาคาร ตั๋วเดินทาง หรือข้อมูลอื่นๆ ที่มีข้อมูลที่เป็นความลับ ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม เป็นการดีที่สุดที่จะตรวจสอบรูปภาพอีกครั้งก่อนที่จะโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อมูลที่น่าอับอายหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนซึ่งอาจมีคนอื่นนำไปใช้ทำให้เกิดปัญหาต่อคุณในภายหลัง

6. ดูถูกคนอื่น

คุณรู้ว่าคุณอาจประพฤติตนไม่ดีทางใดก็ทางหนึ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่คุณอยู่ ตัวอย่างเช่น หากคุณอยู่ที่ออฟฟิศ คุณจะไม่ประพฤติตัวแบบเดียวกับเวลาที่คุณอยู่บ้านหรือที่ร้านอาหาร สิ่งนี้สำคัญพอๆ กับการโพสต์สิ่งต่างๆ ทางออนไลน์ มันมีพฤติกรรมบางอย่างที่คุณทำตามบนโซเชียลมีเดีย ในกรณีนี้ สิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยงคือการดูถูกใครบางคนทางออนไลน์ การเยาะเย้ย หรือล้อเลียนความผิดพลาดที่พวกเขาทำ

ใช่แล้ว ความจริงก็คือวิธีที่เราประพฤติตัวในโลกแห่งความจริงนั้นแตกต่างอย่างมากจากการประพฤติหรือสิ่งที่แสดงทางออนไลน์ แต่ทุกการกระทำที่ไม่ดี เหตุการณ์ที่ไม่สุภาพ หรือช่วงเวลาดูถูกดูแคลนคนอื่นอาจส่งผลร้ายแรงต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ก่อนจะว่าใครในโลกโซเชียล ให้หยุดคิดสักนิด ถามตัวเองว่าคุณอยากให้พวกเขาทำแบบเดียวกันกับคุณหรือเปล่า และคิดว่าคุณจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้ามีคนล้อเลียนรูปภาพหรือความคิดเห็นของคุณทางออนไลน์ การเอาใจใส่เป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจคนอื่น แม้จะเป็นทางออนไลน์ก็ตาม

7. รูปภาพของคนอื่นที่รุกล้ำศักดิ์ศรีของพวกเขา

การโพสต์รูปภาพบนโซเชียลมีเดียกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เราไม่ได้คำนึงถึงผลที่ตามมาของการโพสต์ภาพเหล่านี้ในที่สาธารณะ นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับภาพที่สื่อให้เห็นชีวิตส่วนตัวของเรา เห็นได้ชัดว่าเราไม่ได้พูดถึงแค่ภาพเซลฟี่หรือภาพที่เราโพสต์ แต่ยังพูดถึงสิ่งที่บุคคลที่สามทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ และอาจสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของคุณเมื่อพวกเขาเผยแพร่ทางออนไลน์

การแชร์รูปภาพที่ส่งเสริมความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่เพียงแต่ส่งผลต่อรูปภาพเหล่านี้เท่านั้นแต่ยังส่งผลต่อผู้ที่แชร์ด้วย ตัวอย่างเช่น คุณอาจถูกแบนจาก Facebook และบัญชีของคุณถูกบล็อกเนื่องจากละเมิดมาตรฐานเนื้อหาของแพลตฟอร์มนี้ และในสถานการณ์ที่ร้ายแรงกว่านั้น คุณอาจเผชิญกับการถูกดำเนินคดีเพราะไม่เคารพความเป็นส่วนตัวของบุคคลที่สาม อย่างที่คุณเห็น มันเป็นปัญหาที่ร้ายแรง ดังนั้นคุณควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้เมื่อโพสต์อะไรบางอย่างทางออนไลน์

8. เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป

เมื่อสร้างบัญชีบนโซเชียลมีเดีย คุณอาจพบหลายช่องที่ต้องกรอก ได้แก่ ชื่อและนามสกุล วันเกิด ที่อยู่ โทรศัพท์ อีเมล และอื่นๆ เมื่อใดก็ตามที่คุณเผชิญกับสถานการณ์ประเภทนี้ คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าอย่าให้ข้อมูลที่อาจกลายเป็นสาธารณะมากเกินไป การทำเช่นนี้อาจนำไปสู่การถูกรุกล้ำและเกิดความสนใจที่ไม่ต้องการจากคนที่คุณไม่รู้จักจริงๆ บริษัทโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่มีวิธีทำให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณเป็นแบบส่วนตัว

ในบรรดาข้อมูลที่ไม่แนะนำให้เผยแพร่ในฐานข้อมูลสาธารณะ ได้แก่ ที่อยู่บ้าน หมายเลขโทรศัพท์ และแม้แต่รูปภาพของครอบครัวและเพื่อนของคุณ โปรดจำไว้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจตกอยู่ในมือของอาชญากรไซเบอร์ที่สามารถใช้พวกมันเพื่อขโมยข้อมูลระบุตัวตนของคุณและในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือเงินของคุณ ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม มันเป็นการดีที่สุดเสมอที่จะตั้งค่าข้อมูลโปรไฟล์พื้นฐานของคุณให้เฉพาะผู้ติดต่อของคุณเท่านั้นที่สามารถดูได้

9. โพสต์ข้อมูลมากเกินไปเกี่ยวกับชีวิตรักของคุณ

หากคุณมีความรัก เป็นเรื่องปกติที่จะมีการอัปโหลดรูปภาพกับคู่รักของคุณ อันที่จริง เชื่อกันว่าในทางปฏิบัตินั้นสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณ 2 คนและป้องกันไม่ให้คนอื่นมาสนใจหรือหว่านเสน่ห์ใส่คู่ของคุณ แต่เช่นเดียวกับทุกสิ่งอย่างในชีวิต คุณควรหาสมดุลที่ดีระหว่างการโพสต์สิ่งที่คุณต้องการและให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตรักของตัวเอง

มีบางสถานการณ์ที่ภาพถ่ายหรือสถานะที่ทุ่มเทให้กับคู่รักของคุณอาจสะท้อนถึงความไม่มั่นคงหรือถูกตีความว่าเป็นคำใบ้ที่มีให้ต่อผู้อื่น ในกรณีเหล่านี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือกลั่นกรองโพสต์ของคุณและใช้เวลาร่วมกับคู่ของคุณ

10. รูปภาพที่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์

ถ้าคุณเห็นภาพประกอบหรือภาพถ่ายที่คุณชอบและอยากแชร์ทางออนไลน์ คุณควรเริ่มต้นด้วยการค้นหาว่าใครเป็นเจ้าของภาพและหากมีความต้องการเฉพาะที่จะแบ่งปัน คุณควรถามศิลปินเจ้าของภาพด้วยว่าคุณสามารถใช้มันได้หรือไม่ และเมื่อทำเช่นนั้น คุณจะได้รับหลักฐานยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากพวกเขา ซึ่งจะช่วยเป็นหลักฐานให้คุณในกรณีที่มีการอ้างสิทธิ์ในการทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต

มีข้อยกเว้นบางอย่างสำหรับกฎนี้ เช่น ผลงานที่ไม่คุ้มครองด้วยกฎหมายลิขสิทธิ์ซึ่งสามารถโพสต์ได้ทุกที่โดยไม่ต้องขออนุญาตก่อน อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าหากมีลิขสิทธิ์ พวกเขาอาจมีไลเซนซ์ ในกรณีนั้น คุณควรอ่านข้อกำหนดอย่างละเอียดเพื่อดูว่าจำเป็นต้องให้เครดิตรูปภาพหรือไม่ และหากเป็นไปได้ ให้โพสต์ลิงก์ไปยังแหล่งที่มาดั้งเดิมด้วย

11. ชื่อสัตว์เลี้ยงของคุณ สีที่คุณชอบ หรือคำตอบอื่นๆ ที่เป็นไปได้สำหรับ “คำถามเพื่อความปลอดภัย”

การศึกษาอ้างว่าคำถามเพื่อความปลอดภัยมักจะอ่อนแอกว่าตัวรหัสผ่านเอง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อความเป็นส่วนตัวของคุณทางออนไลน์ มันมีแนวโน้มเป็นเช่นนี้เพราะคำถามมักง่ายจนทุกคนสามารถตอบคำถามได้ คุณอาจเคยเจอคำถามเช่น “สัตว์เลี้ยงของคุณชื่ออะไร” หรือ “คุณชอบสีอะไร” คุณอาจให้คำตอบเหล่านี้บนโซเชียลมีเดียโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทำให้ตัวเองเสี่ยงต่อการถูกขโมยบัญชี

หากคุณตอบคำถามนี้ด้วยชื่อสัตว์เลี้ยงของคุณ หลีกเลี่ยงการพูดถึงมันเมื่ออัปโหลดรูปภาพของสัตว์เลี้ยงบนโซเชียลมีเดีย หรือสร้างคำตอบปลอมเพื่อหลอกลวงผู้ไม่ประสงค์ดี ให้ทำแบบนี้ทั้งในคำถามนี้และในคำถามเพื่อความปลอดภัยอื่นๆ

12. ข้อมูลที่ใช้พิสูจน์ตัวตนบุคคลหรือข้อมูลทางการแพทย์

ข้อมูลทางการแพทย์และข้อมูลที่ใช้พิสูจน์ตัวตนบุคคลมักเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็น “ข้อมูลที่เป็นความลับ” เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรแชร์ทางออนไลน์เพราะอาจทำให้คุณอยู่ในความเสี่ยงได้ในหลายวิธี และในกรณีที่คุณมีญาติหรือเพื่อนที่ป่วย ให้หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลที่ชี้ชัดเกี่ยวกับภาวะสุขภาพของพวกเขา นี่เป็นข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนซึ่งควรแบ่งปันให้บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

หากคุณเป็นแพทย์ หลีกเลี่ยงการแชร์ภาพหรือข้อมูลเอ็กซ์เรย์ในกลุ่มโซเชียลมีเดียหรือชุมชนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยของคุณ แต่ถ้าคุณทำเพื่อจุดประสงค์ทางวิชาชีพ เป็นการดีที่สุดที่จะละเว้นข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจปรากฏบนภาพเอาไว้

คุณจำปัญหาใดได้บ้างหลังจากแชร์ข้อมูลบางอย่างบนโซเชียลมีเดียของคุณ คุณใช้มาตรการใดในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและของข้อมูลของคุณ?

ชีวิตสดใสมีพอดแคสต์เป็นของตัวเองแล้วนะ เลือกบทความดีๆ ติดตัวไว้และฟังเรื่องราวใหม่ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาที่คุณต้องการ

เครดิตภาพพรีวิว 3gerardpique / Instagram, martalozanop / Instagram
ชีวิตสดใส/ทริป & เคล็ดลับ/12 สิ่งที่คุณควรระวังก่อนจะโพสต์บางอย่างลงบนโซเชียลมีเดีย
แชร์บทความนี้