ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

10 เรื่องน่าทึ่งของชาวจีนที่ทำให้เรารู้สึกราวกับไปเยือนจักรวาลคู่ขนานอย่างนั้นแหละ

ในขณะที่กองกำลังตำรวจส่วนมากรอบโลกฝึกสุนัขเอาไว้ป้องกันตนเอง แต่ในประเทศจีน ตำรวจกลับปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าห่านให้คอยตรวจตราดูแลแทนพวกเขา ลองอ่านบทความนี้ไปเรื่อย ๆ และคุณจะได้พบกับกิจวัตรและนิสัยของชาวจีนอีก 9 ข้อที่โลกทางฝั่งตะวันตกแทบไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ

ชีวิตสดใสจะพาคุณไปออกทริปเล็ก ๆ ลัดฟ้าไปยังประเทศจีน เพื่อให้คุณได้เห็นประเพณีและนิสัยอันเป็นเอกลักษณ์ของชนชาวจีนที่จนทุกวันนี้ ผู้คนก็ยังปฏิบัติสืบต่อกันมา

1. เวลาได้รับของขวัญต้องปฏิเสธก่อน 2 — 3 ครั้งก่อนที่จะยอมรับ

ไม่ว่าการให้ของขวัญจะเป็นสิ่งที่เป็นที่นิยมปฏิบัติหรือเป็นสิ่งที่ผู้คนชื่นชอบขนาดไหนในประเทศจีน แต่เมื่อคนจีนได้รับของขวัญมา เป็นธรรมเนียมที่พวกเขาต้องปฏิเสธอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งก่อนที่จะรับมันมา ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ชอบของขวัญชิ้นนั้นหรอกนะ แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันเป็นการแสดงความสุภาพเท่านั้น คนจีนไม่ชอบให้คนอื่นซื้อของแพง ๆ มาให้พวกเขา ซึ่งในหลายกรณี ของพวกนี้อาจถูกมองว่าเป็นการติดสินบนได้ ดังนั้นหากคุณตัดสินใจที่จะให้ของขวัญใครสักคนเป็นซองสีแดงสุดคลาสสิก อย่าใส่จำนวนเงินลงไปในนั้นเยอะเกินไปเป็นอันขาด

2. ผู้หญิงหลายคนสวมเฟซกีนีไปเดินชายหาด

มาตรฐานความงามในอุดมคติของสตรีชาวจีน คือการต้องมีผิวขาวกระจ่างใส ดังนั้น แน่นอนที่ศัตรูตัวฉกาจของความงามนี้ก็คือแสงแดด นี่คือสาเหตุว่าทำไมถึงมีการประดิษฐ์เฟซกีนี (face-kinis) ขึ้นมาในปี 2004 และตอนนี้ก็มีการนำมาใส่กันอย่างแพร่หลายซึ่งส่วนมากจะบริเวณชายฝั่ง หน้ากากตัวนี้ไม่เพียงปกป้องใบหน้าจากการถูกแสงแดดแผดเผา แต่ยังช่วยปกป้องจากแมงกะพรุนและสาหร่ายได้อีกด้วย

3. บางครั้งตำรวจก็ใช้ห่านแทนที่จะใช้สุนัขเฝ้ายาม

นี่อาจจะฟังดูแปลก แต่ที่เมืองซินเจียง (Xinjiang) บางครั้งตำรวจก็ใช้ห่านบ้านแทนที่จะใช้สุนัข เพราะห่านสามารถส่งเสียงดังและมีนิสัยก้าวร้าว แถมมีการมองเห็นที่ดีมากด้วย บางทีพวกมันจะหวงอาณาเขตมากและกระพือปีกไม่หยุดพร้อมกับกรีดร้องไปด้วยจนผู้บุกรุกจากไปเอง

4. มีผู้คนงีบหลับอยู่เต็มไปหมด

ในประเทศจีน คนส่วนใหญ่จะทำงานหลายชั่วโมงต่อสัปดาห์จนบางครั้งไม่มีวันหยุดเลยด้วยซ้ำ จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้หากพวกเขาจะงีบหลับระหว่างวันในทุกที่ที่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็น ณ จุดที่ทำงานของพวกเขา บนรถไฟ หรือแม้แต่ตามม้านั่งริมถนน พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะหลับตาพักสักไม่กี่นาที ซึ่งคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะรู้กันดีว่าห้ามไปรบกวน

5. พวกเขาชอบถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ

ในขณะที่การถ่มน้ำลายเป็นสิ่งที่ชาวตะวันตกมองว่าเป็นการกระทำที่หยาบคาย แต่ในประเทศจีนแล้ว สิ่งนี้ถูกมองว่าเป็นการทำความสะอาดอย่างหนึ่ง จนเพิ่งไม่นานมานี้เอง ถึงได้เริ่มมีการรณรงค์ให้มีการสอนผู้คนไม่ให้ทำพฤติกรรมเหล่านี้ ส่วนมากแล้วด้วยเหตุผลทางด้านสุขลักษณะเป็นสำคัญ โดยเฉพาะเมืองปักกิ่งนั้นได้กำหนดค่าปรับไว้ที่ 50 หยวน (หรือประมาณ 260 บาท) หากจับได้ว่าใครถ่มน้ำลายในที่สาธารณะก่อนงานกีฬาโอลิมปิก

6. เจ้าสาวจำเป็นต้องแสดงออกว่าร้องไห้หนึ่งสัปดาห์ก่อนงานแต่งงาน

ประเพณีโบราณนี้ได้รับการปฏิบัติตามกันในหลายพื้นที่ในบริเวณภาคตะวันตกเฉียงใด้ของประเทศจีนแถบมณฑลเสฉวนมาเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว ย้อนกลับไปในยุคเลียดก๊ก (475 ปี - 221 ปี ก่อนคริสตศักราช) มีเรื่องราวเล่าขานไว้ว่าคนเป็นแม่เคยต้องร้องห่มร้องไห้อยู่แทบเท้าลูกสาวเมื่อสิ้นสุดงานแต่งงาน เพื่อขอร้องวิงวอนไม่ให้ลูกสาวทิ้งเธอไป ซึ่งในปัจจุบันนี้ บางพื้นที่ก็ยังคงปฏิบัติตามธรรมเนียมนี้อยู่ โดยเจ้าสาวจะต้องร้องไห้ทุกวันในสัปดาห์หรือในเดือนที่จะถึงงานแต่งงานของเธอ ในอดีต เจ้าสาวจะต้องร้องไห้ในวันแต่งงานด้วย ไม่เช่นนั้นเธอจะกลายเป็นตัวตลกขบขันของคนในหมู่บ้าน

7. ชาวจีนมักดื่มน้ำที่ต้มจนเดือด

สำหรับบางคนแล้วการจะให้ดื่มน้ำร้อนที่ต้มจนเดือดดูแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ชาวจีนเชื่อว่าการทำเช่นนี้สามารถช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ทุกอย่าง ตั้งแต่หวัดธรรมดา ๆ ไปจนถึงอหิวาตกโรค ซึ่งธรรมเนียมนี้ต้องย้อนกลับไปในสมัยศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตศักราช เมื่อผู้คนพากันคิดว่าการดื่มน้ำร้อนนั้น จะทำให้ธาตุหยิน (ดี) และหยาง (ร้าย) ในร่างกายเกิดความสมดุลกัน ในกรณีที่มีธาตุหยางมากกว่า ร่างกายของมนุษย์จะอ่อนแอต่อโรคและอาการป่วยไข้ต่าง ๆ ซึ่งทุกวันนี้ เราจะสามารถหาน้ำร้อนได้ตามพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ อย่างสถานีรถไฟฟ้า หรือสนามบิน

8. การเหลืออาหารทิ้งไว้ในจานบ้างเป็นสัญญาณที่ดี

ในหลายประเทศอย่างอินเดียและญี่ปุ่น หากไม่ทานอาหารในจานให้หมดอาจหมายความว่าคุณไม่ได้ชอบอาหารจานนั้น ๆ แต่ในประเทศจีน การกระทำเดียวกันนี้หมายความว่าคุณยังหิวอยู่ และเจ้าบ้านก็ไม่ได้ให้อาหารคุณกินมากพอ อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 ประเทศนี้ก็ได้ผลักดันการรณรงค์ให้ “กินอาหารให้หมดจาน” เพื่อพยายามลดจำนวนขยะอาหารหลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) พบว่าปริมาณอาหารเหลือที่ถูกทิ้งขว้างนั้นมีมากเสียจนน่าตกใจ

9. การใส่ชุดนอนในที่สาธารณะเป็นเรื่องธรรมดามาก

ชุดนอนที่โลกตะวันตกสวมใส่กันในทุกวันนี้นั้น เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นครั้งแรกในประเทศจีนในศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีราคาแพงมาก มีเพียงคนรวยเท่านั้นที่จะซื้อหามันได้ ดังนั้นการใส่มันออกมาเดินในที่สาธารณะก็เป็นการอวดความร่ำรวยอย่างหนึ่ง แม้แต่ในปัจจุบันนี้ที่เกือบทุกคนก็สามารถซื้อหาชุดนอนกันได้ แต่ที่นี่การใส่ชุดนี้ออกจากบ้านก็ยังเป็นเรื่องที่บ่งบอกสถานะทางสังคมอันสูงส่งอยู่ เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำงานอย่างไรล่ะ

10. ผู้หญิงชาวเย้าแดงตัดผมเพียงแค่หนึ่งครั้งในชีวิต

หวงหลัว เหยา (Huangluo Yao) คือหมู่บ้านชาวจีนที่งดงามราวกับภาพวาด โดยพวกเขาหลบซ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเย้าแดง ในหมู่บ้านนี้มีผู้อาศัยอยู่ทั้งสิ้น 600 คน จาก 78 ครอบครัว แต่เหตุผลที่ทำให้หมู่บ้านนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอยู่ที่เส้นผมของผู้หญิงที่นี่ ผมของคนที่นี่สามารถยาวได้ถึง 1.5 เมตร (5 ฟุต) และหนักได้ถึงเกือบ 1 กิโลกรัม (2 ปอนด์) ! ความลับของความยาวขนาดนี้อยู่ที่ส่วนผสมที่ทำจากน้ำข้าวหมักผสมกับเปลือกส้มโอและน้ำมันเมล็ดชาที่พวกเขานำมาล้างผมหลังจากการสระผม

คุณยังรู้จักประเพณีหรือพฤติกรรมใด ๆ ของชาวจีนที่ดูราวกับอยู่คนละโลกกับประเทศตะวันตกอีกบ้างไหม ? บอกเล่าให้เราฟังหน่อยสิ

เครดิตภาพพรีวิว VCG / Visual China Group / GettyImages
ชีวิตสดใส/สถานที่/10 เรื่องน่าทึ่งของชาวจีนที่ทำให้เรารู้สึกราวกับไปเยือนจักรวาลคู่ขนานอย่างนั้นแหละ
แชร์บทความนี้