ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

18 เรื่องจริงของการใช้ชีวิตในประเทศเดนมาร์กที่จะทำให้คุณต้องอิจฉาพลเมืองที่นั่นเลยแหละ

พอพูดถึงประเทศเดนมาร์กอาจทำให้หลาย ๆ คนคิดถึงเทพนิยายขึ้นมา เพราะมีชาวเดนมาร์กที่มีชื่อเสียงมากที่สุดถือกำเนิดขึ้นที่นี่ นั่นก็คือนักเขียนผู้โด่งดังไปทั่วโลกอย่างฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน (Hans Christian Andersen) กับเทพนิยายของเขาที่ใคร ๆ ก็รู้จักเรื่อง “เงือกน้อยผจญภัย” (The Little Mermaid) ซึ่งมีการสร้างรูปปั้นทำให้ชื่อเสียงนี้เป็นอมตะไปอีกยาวนานบนถนนแลนเจอลีนี (Langelinie) อีกด้วย สำหรับบางคนที่ยังนึกไม่ออก สิ่งนี้ก็น่าจะช่วยได้ เดนมาร์กคือประเทศที่เป็นที่ตั้งของสวนสนุกเก่าแก่ที่มีชื่อว่าสวนสนุกทิโวลี (Tivoli) ซึ่งอยู่ใจกลางกรุงโคเปนฮาเกน (Copenhagen) และยังเป็นสวนสนุกที่เป็นแรงบันดาลใจให้วอลท์ ดิสนีย์ (Walt Disney) สร้างดิสนีย์แลนด์ (Disneyland) ขึ้นมายังไงล่ะ แต่ประเทศนี้ยังมีอะไรมากมายกว่านั้นอีกเยอะ

ชีวิตสดใสตัดสินใจที่จะศึกษาวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ในแต่ละวันของชาวเดนิชให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมพวกเขาจึงเป็นชาติที่มีความสุขที่สุดในโลก และในช่วงโบนัส คุณก็จะได้พบกับสถานการณ์ขำขันที่อาจเกิดขึ้นได้เพราะความสุภาพของชาวเดนิชเป็นเหตุ

  • รัฐบาลเดนมาร์กใส่ใจในการทำให้ชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัยในประเทศนี้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นอยู่เสมอ โดยทางรัฐบาลได้จัดการและเป็นสปอนเซอร์ชั้นเรียนต่าง ๆ กิจกรรมกีฬาต่าง ๆ ตลอดจนเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยทุกกิจกรรมที่ว่ามาไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แม้แต่น้อย ชาวเดนิชสามารถสร้างสโมสรหรือกลุ่มของตัวเองโดยจะได้รับการสนับสนุนทางการเงิน แถมด้วยพื้นที่ในการจัดกิจกรรมของทางสโมสรที่รัฐบาลจัดไว้ให้อีกด้วย รัฐบาลของประเทศนี้มักมีไอเดียใหม่ ๆ เพื่อดึงผู้คนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยจำลองประเทศทั้งประเทศให้เหมือนเกมไมน์คราฟต์ด้วยนะ
  • ในประเทศเดนมาร์กนั้น พวกเขาส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศมาก นั่นคือสาเหตุว่าทำไมผู้หญิงในประเทศจึงไม่กลัวที่จะต้องอยู่อย่างเดียวดายแม้แต่น้อย พวกเขาให้ค่ากับความอิสระพึ่งพาตนเองได้และสาวโสดที่มีอายุ 30 — 35 ปีก็จะถูกมองว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลย โอเคมาก ๆ ไม่มีความกดดันทางสังคมใด ๆ กับชีวิตพวกเธอทั้งสิ้น สาว ๆ ชาวเดนิชไม่รีบที่จะต้องแต่งงานมีลูกให้เร็วที่สุด ปกติแล้วพวกเธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นแน่นแฟ้นและมีความสุขในวัยราว ๆ 40 ปี
  • ที่นั่นเด็กได้รับอนุญาตให้ทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง มีครั้งหนึ่งที่นักอ่านชีวิตสดใส เอลี มัวร์ (Eli Moor) ได้เคยเขียนไว้ว่า “ฉันเคยเห็นเด็กนอนอยู่บนพื้นในร้านอาหารและก็พูดว่า ‘แม่ฮะ ผมจะรอแม่อยู่ที่นี่นะ’ และทุก ๆ คนที่นั่นก็จะแค่ยิ้มให้ ในขณะที่เด็กผู้ชายตัวน้อยก็รอคอยคุณแม่ต่อไปอยู่ตรงนั้น เพราะว่าเขาอยากจะทำแบบนั้นนี่นา”
  • เด็ก ๆ ส่วนมากในประเทศเดนมาร์กจะเข้าสถานรับเลี้ยงเด็กตั้งแต่พวกเขามีอายุได้แค่หนึ่งขวบหรือน้อยกว่านั้น พวกเขาจะได้รับการดูแลจากผู้ดูแลที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างมืออาชีพ และเริ่มที่จะเรียนรู้ทั้งภาษาเดนิชและกฎเกณฑ์ทางสังคมของชาวเดนิชที่นั่น เช่น การทำงานเป็นกลุ่มหรือการรู้จักผลัดเปลี่ยนกัน
  • ช่วงเวลาที่มีอากาศเย็นจัด ชาวเดนิชจะไม่ค่อยสวมใส่เสื้อผ้าให้ลูก ๆ มากมายหลายชั้นนัก และปล่อยให้ลูก ๆ นอนหลับอยู่ในรถเข็นนอกตัวอาคาร การทำเช่นนี้ จะทำให้เด็ก ๆ คุ้นเคยกับอาการที่หนาวเย็นและฤดูหนาวที่เย็นจัดได้ ต้องขอบคุณระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่แสนจะแข็งแรงของพวกเขาที่ทำให้เด็ก ๆ สามารถเดินไปนั่นมานี่ได้โดยไม่ต้องสวมหมวก และพวกเขาก็จะยังรู้สึกดีมากแม้ข้างนอกจะหนาวเย็นมากก็ตาม
  • ถึงแม้ว่าในประเทศเดนมาร์กจะมีวันที่อากาศร้อนอยู่ไม่นานก็ตาม (ประมาณปีละ 2 — 3 เดือน) แต่หลายต่อหลายครั้ง พวกเขาก็ยังสามารถหาเวลาออกไปแคมป์ปิ้ง ปลูกต้นไม้ และเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนในกระท่อมนอกเมืองกันได้บ่อยครั้ง
  • ในประเทศเดนมาร์กนั้นไม่มีหมาแมวจรจัดที่จะมาเที่ยวเดินว้าเหว่หาอาหารไปตามถนน โดยเชลิน่า แอนเดอร์เซ่น (Shelina Andersen) ที่มาจากเดนมาร์กได้เคยบอกเอาไว้ว่า “หากใครเห็นหมาแมวจรจัดอยู่บนถนน พวกเขามีหน้าที่ต้องโทรหาหน่วยงานบริการพิเศษของเทศบาลให้นำสัตว์เหล่านี้ไปไว้ในศูนย์พักพิงเสีย และถ้าพิสูจน์ทราบว่าเจ้าของเป็นคนทิ้งขว้างหมาแมวพวกนั้น เจ้าของก็จะโดนปรับด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดจำนวนสัตว์เลี้ยงที่คุณจะสามารถเลี้ยงได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น คุณห้ามเลี้ยงสุนัขเกิน 3 ตัว หากคุณไม่สามารถใส่ใจพวกมันได้มากพอ”
  • ที่เมืองออร์ฮูส (Aarhus) จะมีไฟจราจรเป็นรูปชาวไวกิ้งตัวเล็ก ๆ อยู่ด้วย
  • สตรีชาวเดนมาร์กจะไม่มีทางเหนื่อยกายเหนื่อยใจไปกับการควบคุมอาหารและโปรแกรมฟิตเนส สิ่งที่พวกเธอใส่ใจมากที่สุดในชีวิตคือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งสามารถทำให้พวกเธอรักษาสมดุลระหว่างการเล่นกีฬาและการได้กินอาหารอร่อย ๆ ได้ การกินมันฝรั่งกับแซลมอนหรือซุป แล้วไปขี่จักรยานต่อ ถือเป็นเรื่องปกติมาก ๆ ที่นี่
  • อาหารจากซูเปอร์มาร์เก็ตที่นี่ทั้งอร่อยและราคาดีงาม ผู้ใช้เว็บไซต์ปิคาบู (Pikabu) ของรัสเซียที่อาศัยอยู่ในประเทศเดนมาร์กได้กล่าวไว้ว่า ทั้งเนื้อหมู ผลิตภัณฑ์นมต่าง ๆ รวมถึงขนมปังที่นี่มีราคาถูกมา ๆ แต่ไข่และกล้วยกลับมีราคาแพงกว่าประเทศอื่น ๆ
  • ผู้คนในเดนมาร์กมักจะสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา ๆ ที่นี่เป็นที่ที่คุณจะได้เห็นความเป็นมินิมอลฉบับชาวสแกนดิเนเวียนที่โด่งดัง เป็นไปได้ว่าคุณแทบจะไม่สามารถสังเกตได้เลยว่ามีเศรษฐีกำลังเดินอยู่ใกล้คุณบนถนน ชาวเดนิชชอบใส่เสื้อผ้าธรรมดามาก ๆ มีการผสมผสานสีเพียงแค่ไม่กี่สี และไม่ใส่เครื่องประดับเยอะแยะ พวกเขาชอบใส่เสื้อผ้าที่สวมใส่สบายและใช้งานได้จริง
  • คนท้องถิ่นโอเคกับการแสดงความรู้สึกในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการจับมือถือแขน จูบกันหรือการกอดกันตามมุมตึกระหว่างคู่รัก ผู้ชายก็จะอ่อนโยนและดูแลหญิงสาวอย่างดีมาก ชายชาวเดนิชไม่ได้คิดว่าการเป็นคนอ่อนโยนจะทำให้ความมาดแมนลดน้อยลงแต่อย่างใด
  • ความสงบเรียบร้อยของประชาชนในประเทศนี้ใช้ความไว้ใจเป็นหลัก ผู้ใช้เว็บไซต์ปิคาบูที่อาศัยอยู่ในประเทศเดนมาร์กกล่าวไว้ว่า “ที่นี่ไม่มีทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือกล้องวงจรปิดใด ๆ คุณจะไม่เห็นกระทั่งประตูกั้นบนรถโดยสารหรือรถไฟเลยด้วยซ้ำ มันน่าทึ่งมาก”
  • คนเดนิชเรียนรู้วิธีขี่จักรยานทันที่ที่หัดเดินได้ นี่เป็นวิธีการคมนาคมที่เป็นที่นิยมมากที่สุด แม้ว่าจะมีหิมะตกอยู่ข้างนอกก็ตาม แต่พวกเขาไม่ค่อยสวมหมวกกันน็อกเท่าไรนักหรอกนะ
  • ในประเทศเดนมาร์ก คุณจะสามารถพบเห็นถังขยะทรงประหลาด ๆ ที่เอียงกระเท่เร่อยู่ เหตุผลที่ถังขยะพวกนี้ต้องเอียงเพราะมีไว้ให้คนที่ขี่จักรยานสามารถทิ้งขยะได้โดยไม่ต้องลงจากรถนั่นเอง
  • ระบบวิธีคิดของของชาวเดนิชสามารถใช้กฎของยานเต้ (Law of Jante) มาอธิบายได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยคำ ๆ นี้บัญญัติขึ้นโดยนักเขียนชาวดาโน-นอร์วีเจียน (Dano-Norwegian) (ชีวิตสดใส: เดนมาร์ก - นอร์วีเจียน) ที่มีชื่อว่า อัคเซล ซานเดโมส (Aksel Sandemose) ซึ่งเขาได้บัญญัติไว้ในนวนิยายแนวเสียดสีสังคมของเขาเรื่อง อะ ฟูจิทิฟ ครอส ฮิส แทร็คส์ (A Fugitive Crosses His Tracks) โดยมีกฎ 10 ข้อที่กล่าวไว้ว่าคนเราไม่ควรโชว์ความมั่งคั่งในตัวเอง ไม่ควรโอ้อ้วดความสำเร็จและความสามารถของตนเอง ไม่ควรคิดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น หรือไม่ควรเยาะเย้ยถากถางผู้อื่น สิ่งนี้เองที่อธิบายได้ว่าทำไมนักการเมืองชาวเดนิชจึงขี่จักรยานไปทำงานกัน
  • โดยทั่วไปแล้ว อาหารเดนิชนั้นจะเป็นอาหารที่ให้แคลอรี่สูงและมีคุณค่าทางโภชนาการมาก ผู้คนในประเทศนี้มักกินมันฝรั่งกับผัก ไม่ว่าจะนำไปต้มหรือนึ่ง อีกทั้งยังชอบกินเนื้อหมูและเนื้อปลาเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศที่ล้อมรอบไปด้วยทะเล ดังนั้นพวกเขาจึงทานอาหารทะเลกันเป็นส่วนมาก อาหารยอดนิยมของที่นี่ก็อย่างเช่น สมอร์เรบรอดปลาเฮอร์ริง (herrings smørrebrød) (ชีวิตสดใส: สมอร์เรบรอดคือแซนด์วิชแบบเปิดสไตล์เดนิช) และฟิชเค้ก เป็นต้น นอกจากนี้ชาวเดนิชยังชอบของหวานมาก ๆ โดยเฉพาะเค้กที่จะต้องมีอยู่ควบคู่ไปด้วยในทุก ๆ มื้อค่ำเลยทีเดียว

โบนัส: เรื่องน่าทึ่งของความสุภาพของชาวเดนิช

  • ฉันเรียนที่ประเทศเดนมาร์ก และเพราะมันยากมากเลยที่จะเป็นนักเรียนได้อย่างเดียวโดยไม่ต้องหางานทำไปด้วย ฉันเลยตัดสินใจที่จะเริ่มทำงานในบริษัทไปรษณีย์และอื่น ๆ อีกในตอนกลางคืน ตอนนั้นฉันขี่จักรยานลงเขาและฉันจำเป็นต้องเลี้ยวซ้าย แต่เพราะฉันขับมาเร็วเกินไปฉันก็เลยเหยียบกองใบไม้และลื่นไถลล้มลง ทั้งเข่าและจมูกของฉันเป็นรอยขีดข่วนไปหมด และหัวก็กระแทกแรงมากฉันเลยลุกขึ้นมาไม่ได้ ตอนนั้นฉันก็เลยนอนอยู่กับพื้นเพื่อพักสักครู่ มีชายชาวเดนิชคนหนึ่งขี่จักรยานผ่านมาพอดี เขามองมาที่ฉันและก็พูดว่า “อรุณสวัสดิ์ !” และเขาก็ขับไปต่อ ฉันเลยเพิ่งรู้ตัวตอนนั้นนี่แหละว่าการเป็นคนสุภาพนี่เป็นสิ่งสำคัญเสมอเลยนะกับคนที่นี่น่ะ © Dryzd / Pikabu

หลังจากอ่านบทความนี้แล้วคุณอยากไปประเทศเดนมาร์กขึ้นมาบ้างรึยัง ? หรือยังไงคุณก็อยากจะอยู่ที่บ้านเรามากกว่า บอกความรู้สึกของคุณให้เรารู้หน่อยได้ไหม ?

เครดิตภาพพรีวิว ninaagdal / Instagram
แชร์บทความนี้