ชีวิตสดใส
ชีวิตสดใส

30 กว่าข้อเท็จจริงของการใช้ชีวิตในประเทศสวีเดน ที่ทำให้เราต้องทึ่งว่า “เดี๋ยวก่อน อะไรนะ ?”

ประเทศสวีเดนคือประเทศผู้ผลิตรถยนต์วอลโว่ (Volvo) ที่แสนปลอดภัยและสะดวกสบายให้กับโลกของเรา รวมทั้งยังมีเฟอร์นิเจอร์ยี่ห้ออิเกีย (IKEA) ที่มีราคาย่อมเยา แถมยังเป็นผู้สร้างเกมอย่างมายคราฟต์ (Minecraft) และ แบตเทิลฟีลด์ (Battlefield) มาให้เราได้เล่น ยังไม่รวมถึงสิ่งเจ๋ง ๆ อีกมากมายหลายอย่าง นอกจากนี้ อ้างอิงจากธนาคารฮ่องกงและเซี้ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น (HSBC) ประเทศนี้ยังเป็นหนึ่งใน 20 ประเทศที่ดึงดูดใจผู้ต้องการย้ายถิ่นฐานข้ามประเทศอย่างมาก ก็ประเทศสวีเดนเขาทั้งให้การศึกษาฟรี มีระบบสาธารณสุขที่ดี มีอากาศบริสุทธิ์ และยังมีพื้นที่ทางธรรมชาติที่ยังไม่ถูกแตะต้องอีกมากมาย เหล่านี้ล้วนดึงดูดให้ผู้คนอยากสมัครเข้ามาเป็นพลเมืองของประเทศสวีเดนด้วยกันทั้งนั้น

ชีวิตสดใสได้อ่านความคิดเห็นของผู้คนมากมาย ทั้งที่ได้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศสวีเดนเมื่อไม่นานมานี้ หรือบางคนที่ไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่นมาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว และเราก็ได้รู้เรื่องน่าสนใจหลายอย่างที่ทำให้ประเทศนี้แตกต่างจากประเทศอื่นอย่างมาก

  • หากพูดถึงตัวเลขการได้รับสิทธิบัตร สวีเดนเป็นประเทศแรกในสหภาพยุโรปที่คุณจะต้องนึกถึง จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรเลยที่ส่วนใหญ่แล้ว ประเทศนี้จะถูกจับตามองในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล โดยท่ามกลางนวัตกรรมทั้งหลายที่รังสรรค์โดยคนสวีเดนเหล่านี้ รวมถึงเข็มขัดนิรภัยแบบคาดสามตำแหน่ง (3-point-seat belt), เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (pacemaker), น้ำนมข้าวโอ๊ต (oat milk), ประแจจับท่อ (pipe wrench), โครงเหล็กช่วยเดิน (walking frame) และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • คนสวีเดนคำนึงถึงสถานการณ์ของระบบนิเวศวิทยาบนโลกใบนี้อย่างมาก โดยมีขยะเพียงแค่ 1% ที่จะถูกส่งไปที่พื้นที่ฝังกลบ ส่วนอีก 52% ใช้ไปในการผลิตพลังงาน และอีก 47% จะถูกนำไปรีไซเคิล ประเทศนี้มีการจัดการกับขยะได้อย่างดีมาก ๆ จนถึงขนาดที่ว่าพวกเขาต้องนำเข้าขยะมาจากประเทศอื่น ๆ เพื่อที่จะสนับสนุนการทำงานของบริษัทผลิตพลังงานเลยทีเดียว
  • ในสังคมชาวสวีเดนนั้นไม่มีสิ่งที่เรียกว่าลำดับชั้น ทุกคนจะเรียกคนอื่น ๆ ด้วยชื่อ แทนที่จะเรียกตำแหน่งในบริษัท หรือแม้แต่ในชุมชนเล็ก ๆ ก็ตาม เมื่อพูดคุยกับอาจารย์มหาวิทยาลัย นักศึกษาไม่ต้องเรียกพวกเขาด้วยชื่อตำแหน่ง
  • ความซื่อสัตย์และความจริงใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา หากอยากหลบเลี่ยงการลงโทษจากเจ้านาย คุณควรยอมรับความผิดพลาดของคุณทันทีจะดีกว่า ถ้าคุณอยากเอาอาหารให้เพื่อนและพวกเขาปฏิเสธ คุณควรจะหยุดนำเสนอทันที และอย่าตื๊อให้พวกเขาต้องรับเอาไว้เพราะคุณจะถูกมองว่าเป็นคนหยาบคายทันที
  • คนที่อยู่ในประเทศสวีเดนจะเคารพพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่นอย่างมาก อย่าเริ่มชวนคนแปลกหน้าคุยเชียว หรือแค่จะเอ่ยถามแคชเชียร์ว่าพวกเขาเป็นยังไงบ้างก็ไม่ควรทำ
  • การถามเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย ตั้งแต่เรื่องครอบครัว ที่ทำงานเก่า หรืออะไรเทือกนั้น จัดว่าเป็นคำถามที่ไม่สุภาพมาก ๆ
  • อย่างไรก็ดี คนสวีเดนไม่ชอบการพูดพร่ำเรื่อยเปื่อย จะเป็นการสุภาพกว่าหากคุณพูดคุยอะไรกับพวกเขาด้วยความรวบรัด แม้แต่การนัดเจอระหว่างเพื่อนฝูงก็อาจจะเริ่มด้วยการตกอยู่ในความเงียบเป็นระยะเวลานานก็เป็นไปได้ คนสวีเดนจะไม่พยายามหาเรื่องพูดคุยเพื่อหลีกเลี่ยงความเงียบแต่อย่างใด
  • การย้ายมาอยู่ที่ประเทศสวีเดนเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แต่การจะสานสัมพันธ์หาเพื่อนสักคนนั้นยาก หลายคนเคยบ่นว่าแม้คุณจะเคยได้พบใครสักคนมาเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว ก็ยังไม่สามารถก้าวผ่านประโยคทางการอย่าง “เฮ้” หรือ “บาย” ไปได้เลย คนสวีเดนพิถีพิถันกับการเลือกคบเพื่อนเข้ามาในชีวิตมาก ต้องใช้เวลายาวนานและต้องใช้ความอดทนมหาศาลกว่าจะเอาชนะใจใครสักคนที่นี่ได้
  • วิธีที่ดีที่สุดที่จะหาเพื่อนที่นี่คือหางานอดิเรกอะไรสักอย่างและไปเข้าคลาสเหล่านี้ให้มาก ๆ มีตัวเลือกให้คุณได้เลือกมากมายหลายหลากเลยทีเดียว หรืออีกทางคุณอาจจะไปเข้าคลาสกีฬาที่คุณชอบก็ได้ คนสวีเดนให้ความสนใจกับกิจกรรมที่ต้องมีการเคลื่อนไหวทางร่างกายเป็นอย่างมาก
  • การจะหาอพาร์ตเมนต์สักห้องให้ได้เป็นงานที่โหดหินสุด ๆ ในประเทศสวีเดน และที่เลวร้ายที่สุดก็คือในตัวเมืองสต๊อกโฮล์มนี่เอง ซึ่งที่นั่นแทบจะหาซื้อไม่ได้เลยสักห้อง บางคนต้องใช้เวลาหลายต่อหลายปีในการต่อคิวรออพาร์ตเมนต์ที่ถูกใจสักแห่งหนึ่ง ยิ่งในเมืองเล็กมากเท่าไหร่ ก็อาจยิ่งมีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น ราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่นี่สูงมาก แต่อพาร์ตเมนต์และบ้านส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ในสภาพดีมากเลยทีเดียว
  • คนสวีเดนมักพูดว่าทุกคนที่นี่ต่างฝันที่จะมี 3 วี (V) ได้แก่ วิลล่า (Villa) , วอลโว่ (Volvo), สุนัข (Vovve) แต่แม้แต่ความฝันเหล่านี้ยังคว้ามาได้ง่ายกว่าการที่จะมีเครื่องซักผ้าส่วนตัวสักเครื่องเสียอีก ดังนั้น ทุกคนที่นี่จึงมักจะใช้บริการร้านสะดวกซักแบบหยอดเหรียญ แต่ก่อนจะเลือกใช้บริการสักแห่ง อย่าลืมอ่านกฏเกณฑ์ให้ดี ๆ บางที่ไม่อนุญาตให้ใช้หลังบางช่วงเวลา และสำคัญมาก ๆ ต้องทำความสะอาดหลังจากคุณใช้เครื่องซักผ้าเครื่องนั้น ๆ ด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วเพื่อนบ้านของคุณอาจจะไม่พอใจนัก
  • ชาวสวีเดนไม่ชอบใช้ธนบัตร แม้จะซื้อของที่เล็กน้อยมาก ๆ พวกเขาก็มักจะใช้จ่ายโดยใช้เครดิตการ์ดมากกว่า แม้กระทั่งบางที่ก็ไม่รับเงินสดเลยด้วยซ้ำ มีเพียงตู้หยอดเหรียญบางเครื่องเท่านั้นแหละ ที่อาจจะใช้เหรียญได้บ้าง
  • ธนาคารและร้านค้าจะเปิดให้บริการจนถึงบางช่วงเวลาเท่านั้น และในช่วงฤดูร้อน เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว สถานที่ส่วนมากก็จะปิดให้บริการ แม้แต่ตามร้านกาแฟหรือร้านอาหาร ดังนั้น อย่าวางแผนอะไรในช่วงนี้ของปีเด็ดขาด อย่านึกเปลี่ยนงานหรือวางแผนปรับปรุงบ้านขึ้นมาช่วงนี้เชียวล่ะ
  • ชาวสวีเดนมีมีดเฉพาะสำหรับหั่นเนยซึ่งทำมาจากไม้หรือพลาสติก ซึ่งทุกคนสามารถใช้ได้หากคุณนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่น ๆ ดังนั้น ถ้าคุณเผลอพยายามจะใช้มีดเล่มนั้นตอนยังไม่ถึงตาคุณ หรือแย่กว่านั้น ถ้าคุณเผลอวางมีดเล่มนั้นไว้บนจานคุณ คุณจะดูเป็นคนหยาบคายสุด ๆ และชัดเจนนะว่าคุณห้ามใช้มีดนี้ไปหั่นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เนยเด็ดขาด และคุณก็ไม่ควรจะใช้มีดอื่นมาหั่นเนยเช่นกัน
  • ควรวางแซนด์วิชหรือคุ้กกี้ชิ้นสุดท้ายทิ้งไว้บนโต๊ะ ต่อให้ไม่มีใครสนใจอยากจะกินมันก็ตาม ปล่อยให้มันวางเหลืออยู่อย่างนั้นบนจานใหญ่ ๆ นั่นแหละ
  • ลินกอนเบอร์รี่เข้าได้ดีกับทุกอย่าง แต่อย่าได้เอาวางไว้บนขนมปังปิ้งเชียวนะ
  • การเข้าแถวของที่นี่ถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งเลย ทุกคนจะรออยู่อย่างเงียบ ๆ ด้วยความมีน้ำอดน้ำทนอย่างมาก การพยายามจะพูดคุยในแถวหรือแสดงท่าทีว่ารำคาญขณะที่รอ จะถูกคนอื่นยี้ใส่เอาได้ง่าย ๆ และแน่นอน การแซงคิวก็เช่นกัน ซึ่งไม่มีใครจะมาพูดอะไรกับคุณหรอกนะ เพราะมันจะผิดกฏเกณฑ์อีกข้อที่คนที่นี่เขาจะไม่พูดคุยกับคนแปลกหน้ายังไงล่ะ
  • ห้ามขึ้นเสียง และห้ามกรีดร้องใส่คนอื่นเด็ดขาด เพราะคนสวีเดนเขาจะคิดว่าคุณเกลียดเขา
  • รองเท้าที่เคยใส่เดินตามถนนมาแล้วจะต้องวางทิ้งไว้ที่ทางเข้าบ้านเท่านั้น การเดินไปเดินมาในบ้านขณะที่ใส่รองเท้าเป็นการแหกกฏอย่างรุนแรง พวกเขาจึงพิถีพิถันกับการเลือกเฟ้นสีสันและสภาพของถุงเท้าที่พวกเขาสวมใส่เป็นอย่างมาก
  • การมาตามนัดสายหรือไปก่อนเวลาที่ตกลงกันไว้ถือเป็นข้อผิดพลาดที่แย่มาก ซึ่งกฏเกณฑ์นี้ใช้ได้กับทุกแง่มุมของชีวิตเลยนะจะบอกให้ ตั้งแต่การประชุมธุรกิจไปจนถึงการรวมตัวกับกลุ่มเพื่อน คนสวีเดนเป็นคนที่ตรงต่อเวลาสุด ๆ และเขาก็คาดหวังให้อีกฝ่ายมีทัศนคติเช่นเดียวกันด้วย
  • การวางแผนคือสิ่งที่ดีที่สุด คนสวีเดนส่วนใหญ่จะมีปฏิทินที่จดบันทึกนัดหมายตลอดจนเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่วางแผนไว้ไปจนถึงอีกสองสามเดือนข้างหน้าเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นนัดประชุมทางธุรกิจ ทริปท่องเทียว การไปเยี่ยมเพื่อนหรือญาติ ทุกอย่างจะถูกจดบันทึกเอาไว้หมด ลองถามคนสวีเดนดูสิว่ามีแพลนจะทำอะไรวันศุกร์หน้าตอนห้าโมงเย็น เชื่อเถอะ พวกเขาจะตอบได้ทันทีเลยแหละ
  • ในที่ทำงาน ทุกคนรวมถึงฝ่ายบริหารมักจะเข้ามามีส่วนร่วมกับหน้าที่ที่ต้องทำเป็นกิจวัตรทุกวัน ดังนั้น อย่าแปลกใจถ้าเกิดถ้าได้ยินใครพูดว่า “ขอโทษทีนะคะ ผู้จัดการไม่สะดวกมารับสายค่ะตอนนี้ วันนี้เป็นเวรเขาล้างจานน่ะค่ะ”
  • คนสวีเดนชอบการประชุมมาก ซึ่งทุกคนในทีมจะสามารถพูดคุยถึงไอเดียต่าง ๆ ของตนได้ตามสบายเลย ทุกคนล้วนยินดีรับฟังและเปิดกว้างที่จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทั้งสิ้น
  • เลขหมายโทรศัพท์ตลอดจนชื่อที่อยู่อีเมลเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็สามารถขอกันได้ ถ้าคุณอยากได้เบอร์โทรศัพท์ของใครสักคน คุณสามารถถามพนักงานคนไหนก็ได้ พวกเขาจะบอกคุณแน่นอน ชัวร์
  • วันทำงานตามมาตรฐานทั่วไปจะมีเวลาเลิกงานอยู่ที่ห้าโมงเย็น และทันใดนั้นเองออฟฟิศก็จะกลายเป็นห้องร้าง แถมพ่อแม่ยังสามารถขอเลิกเร็วเพื่อไปรับลูกที่โรงเรียนได้โดยไม่ต้องบอกเจ้านายด้วยซ้ำ
  • ประเพณีที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดไม่ว่าจะที่ไหนในสวีเดนก็คือสิ่งที่เรียกว่าฟิก้า (fika) ซึ่งก็คือช่วงเวลาพักดื่มกาแฟสุดพิเศษ ห้ามดื่มกาแฟที่โต๊ะทำงานนะ รวมถึงห้ามปฏิเสธเพื่อนร่วมงานที่ชักชวนไปดื่มกาแฟในช่วงนี้ด้วย นอกจากนี้การตอบจดหมายทางธุรกิจหรือรับสายโทรศัพท์เพื่อสนทนางานระหว่างช่วงฟิก้านี้ ก็เป็นเรื่องไม่สมควรทำอย่างยิ่ง
  • พ่อและแม่ทั้งสองคนจะมีสิทธิ์ทั้งการให้คุณแม่ลาคลอดเพื่อไปเลี้ยงลูกหรือให้คุณพ่อลาไปดูแลลูกก็ได้ เป็นเวลา 480 วัน ผู้ปกครองแต่ละคู่สามารถใช้วันลานี้ไปดูแลลูกได้คนละ 3 เดือน ส่วนโควต้าที่เหลือก็ให้หารกันเอาเอง การที่คุณไม่ใช้เวลาอยู่กับลูกเลยเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์สำหรับที่นี่ ไม่มีใครจะมาซาบซึ้งหรือเข้าใจกับพฤติกรรมนั้นของคุณหรอกนะ
  • นอกจากวันลาเหล่านั้นแล้ว ผู้ปกครองยังสามารถขอลาพักร้อนเพื่อไปดูแลลูก ๆ ได้อีกนะ และจะมีการจ่ายเงินให้ 80% อีกต่างหาก ทุกคนเขาเข้าอกเข้าใจคุณดี การให้ลูกอยู่บ้านเมื่อไม่สบาย ดีกว่าให้ลูกไปแพร่เชื้อใส่อื่นที่โรงเรียนนะ
  • คนสวีเดนส่วนใหญ่จะมีวันลาพักร้อนอยู่ที่ปีละ 33 วัน (อย่างน้อย 4 สัปดาห์) ซึ่งส่วนมากแล้วพวกเขามักชอบลาพักร้อนกันช่วงเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม
  • เวลาสำหรับครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ สำหรับคนสวีเดน ดังนั้น อย่าพยายามทำงานมากกว่าวันละ 6 ช่วงโมงเด็ดขาด
  • สนามเด็กเล่นในประเทศสวีเดนมีไว้เพื่อเล่นจริง ๆ นะ จะไม่มีใครมาคอยห้ามไม่ให้เด็ก ๆ วิ่งไล่กัน ตะโกนใส่กัน หรือปีนป่ายโน่นนี่ในสนามเด็กเล่นโดยเด็ดขาด
  • ชาวสวีเดนชอบขนมหวานมาก ครอบครัวขนาดสี่คนจะกินช็อกโกแลตและลูกกวาดถึงสัปดาห์ละประมาณ 1.2 กิโลกรัม (2.6 ปอนด์) แต่ส่วนใหญ่จะกินกันในวันเสาร์ เหตุเกิดเมื่อยุคปี 40 ในศตวรรษที่ผ่านมา มีทีมแพทย์ได้ตัดสินใจทำการทดลองดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนเรากินช็อกโกแลตอาทิตย์ละครั้ง ซึ่งการทดลองนี้ก็ได้กลายเป็นประเพณีไปซะอย่างนั้น
  • ในช่วง 3 เดือนแรกหลังจากที่มีเด็กน้อยถือกำเนิด สำนักงานภาษีแห่งสวีเดนจะต้องเป็นผู้ทำการอนุมัติชื่อเด็กเสียก่อน ผู้ปกครองถึงจะทำการตั้งชื่อลูกได้ โชคดีนะที่ชื่อแบบอิเกีย (Ikea) และเมทัลลิกา (Metallica) เป็นชื่อต้องห้ามนำมาตั้งชื่อเด็กน้อยชาวสวีเดนน่ะ
  • คนสวีเดนชอบที่จะพักผ่อนและผ่อนคลายในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์มากกว่านะ
  • พื้นที่ทุกแห่งหนในประเทศสวีเดน ยกเว้นพื้นที่ที่อยู่ใกล้บ้านคน ล้วนเป็นพื้นที่ที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าได้ โดยผู้คนจะเข้าไปปิกนิกหรือแม้แต่กางเต๊นท์ก็ยังได้ แค่อย่าลืมเก็บขยะของคุณกลับไปด้วยก็แล้วกัน
  • สมมุติว่ามีละครทีวีเรื่องใหม่กำลังจะฉาย และคุณก็อยากจะเชิญเพื่อนชาวสวีเดนมาดูละครด้วยกัน ให้ระวังไว้หน่อยนะว่ามีโอกาสที่เพื่อนคุณคนนั้นจะเฉยชาใส่คุณไปเลยสักอาทิตย์สองอาทิตย์ หรือแม้แต่ตบหน้าคุณเลยก็ได้ ประโยคที่ว่า “เราไปดูหนังกันไหม” ถูกใช้บ่อยมากจนมันกลายเป็นประโยคเชิญชวนอีกฝ่ายให้ไปนอนกอดกันบนเตียงเลยล่ะ ไม่ว่ายังไงก็คือไม่ได้ไปดูหนังด้วยกันแน่ ๆ
  • ในประเทศสวีเดน ผู้คนจะไม่พูดคุยกับคนแปลกหน้าตามท้องถนน บนขนส่งสาธารณะ ในร้านค้า หรือไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม และคำว่าคนแปลกหน้าที่ว่าเนี่ย อาจหมายรวมถึงคนที่อาศัยอยู่ในตึกเดียวกับคุณ ทำงานไม่ไกลจากคุณ หรืออะไรเทือกนั้นน่ะ
    อิกอร์ ดิ มาร์โก (Igor Di Marco) ชาวอิตาลีได้เคยเล่าเรื่องตลก ๆ ไว้เรื่องหนึ่งว่า “เพื่อนผู้หญิงชาวสเปนของผมเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอพยายามจะไปทักทายผู้ชายคนหนึ่งที่เธอพบเจอเขาบนรถไฟทุกวันมาเป็นเวลาตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา (พวกเขามักขึ้นรถไฟไปทำงานสายเดียวกัน) แต่ผู้ชายคนนั้นกลับวิ่งหนีไปเลย แบบวิ่งหนีจริง ๆ เลยล่ะ”
  • คนสวีเดนเป็นคนตรงมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้คำตอบของคำถามที่พวกเขาถามไปแล้ว เขาจะไม่มีทางถามคำถามเดิมซ้ำอีก ในบางวัฒนธรรมนั้นอาจมองว่าการปฏิเสธการพยายามชักชวนครั้งแรกถือว่าเป็นการปฏิเสธเพื่อความสุภาพ และคาดหวังให้อีกฝ่ายเอ่ยปากชักชวนซ้ำอีกครั้ง แต่ไม่ใช่กับชาวสวีเดนนะ เฟย์ (Fay) นักศึกษาชาวกรีกได้เล่าเรื่องตลก ๆ ไว้เรื่องหนึ่งว่า “ฉันเคยมาพักอยู่บ้านผู้ชายชาวสวีเดนที่ฉันรู้จัก ซึ่งตอนนั้นเขาบอกให้ฉันนอนบนเตียงเขาได้เลย และบอกว่าเดี๋ยวเขาจะนอนที่โซฟาเอง ฉันก็บอกเขาไปว่าฉันไม่เป็นไรเลยนะ ให้นอนพื้นก็ยังได้ เท่านั้นแหละ เดาซิว่าใครได้นอนพื้นคืนนั้น ? ฉันไง ฉันไม่ควรพูดแบบนั้นออกไปเลยจริง ๆ นอนบนเตียงดีกว่าตั้งเยอะ”
  • ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวผลเบอร์รีและเห็ด แต่ระวังล่ะ อย่าไปเก็บในที่ส่วนบุคคลเด็ดขาด และให้ระวังไม่ไปเก็บพืชพันธุ์ที่เขาอนุรักษ์กันด้วย
  • ในผืนป่าของประเทศสวีเดนจะมีสัตว์ที่หลากหลายมาก สัตว์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคือหมาป่าและกวางมูส แต่ชาวสวีเดนเขาไม่ได้กลัวพวกมันหรอกนะ สัตว์ที่น่ากลัวที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือตัวแบดเจอร์ (badgers) ต่างหาก ชาวสวีเดนเชื่อว่าหากเจ้าสัตว์ป่าตัวนี้กัดใครขึ้นมา มันจะไม่มีวันปล่อยจนกว่ากระดูกของคนคนนั้นจะหักเลยล่ะ
  • ถึงแม้ว่าคนสวีเดนจะไม่ค่อยคุ้นชินกับการแสดงอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็มีการแสดงอารมณ์ออกมาบ้างเหมือนกันนะ โดยมหาวิทยาลัยอุปซาลาได้มีธรรมเนียมประหลาดอย่างหนึ่ง ณ เวลาสี่ทุ่มตรง นักศึกษาทุกคนมีสิทธิ์เปิดหน้าต่างและตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง นี่เป็นวิธีที่คนหนุ่มสาวใช้สำหรับระบายความเหนื่อยล้าจากการเรียนหรือจากการสอบที่เคร่งเครียดนั่นเอง

หากคุณกำลังใช้ชีวิตอยู่ในประเทศสวีเดน คุณรู้ข้อเท็จจริงที่น่าทึ่งใด ๆ เกี่ยวกับประเทศนี้อีกบ้างไหม ? แบ่งปันกับเราได้เลย !

เครดิตภาพพรีวิว kristofferp83 / depositphotos
ชีวิตสดใส/สถานที่/30 กว่าข้อเท็จจริงของการใช้ชีวิตในประเทศสวีเดน ที่ทำให้เราต้องทึ่งว่า “เดี๋ยวก่อน อะไรนะ ?”
แชร์บทความนี้