ภาพยนตร์

เราตื่นเต้นทุกครั้งที่วางเป้าหมายหรือสมัครงานในฝันที่เราต้องการได้ เราถึงขนาดทุ่มเทเวลาและความพยายามเป็นอย่างมากเพื่อให้เข้ากับหน้าที่ การเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงก็ไม่ต่างกัน ตราบใดที่พวกเขาต้องการบางอย่าง แม้แต่คนดังก็พลาดโอกาสไปได้เช่นกัน ซึ่งก็ไม่เป็นไร สิ่งที่สำคัญคือการก้าวต่อไปและเรียนรู้จากมันที่ชีวิตสดใสเราได้รวบรวมรายชื่อดาราที่เข้าใกล้บทบาทในฝัน แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และเหตุผลอาจทำให้คุณประหลาดใจได้

แค่ซีรีส์ตอนเดียวก็ต้องทำงานกันหลายร้อยชั่วโมงและถ่ายไปหลายสิบเทคแล้ว ตัวอย่างเช่น ตอนแบทเทิลออฟวินเทอร์เฟลที่มีชื่อเสียงในซีซั่นที่ 8 ของเกมออฟโธรนส์ใช้เวลา 55 คืนในการถ่ายทำ เมื่อสเกลของฉากใหญ่ขนาดนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่ทีมผู้ผลิตจะทำผิดพลาดบ้าง

เกม ออฟ โธรนส์ มหาศึกชิงบัลลังก์ (Game of Thrones) กลายเป็นซีรีย์อันเป็นที่จดจำของผู้คนเลยทีเดียว ที่ถึงแม้ซีรีย์จะจบลงไปแล้ว แต่ผู้คนก็ยังพูดถึงกันอยู่ โดยตอนจบของเรื่องนั้นมีความแตกแยกและขัดแย้งกันสุด ๆ ซึ่งคุณก็อาจจะพอรู้มาบ้างว่าแฟนคลับบางคนไม่พอใจกับซีซั่น 8 เอามาก ๆ จนพวกเขาได้เรียกร้องให้ถ่ายทำซีซั่นสุดท้ายใหม่อีกครั้ง ในขณะที่จอร์จ มาร์ติน (George Martin) ผู้แต่งเรื่องนี้ได้ให้สัญญาว่าตอนจบในหนังสือจะแตกต่างไปจากซีรีย์อย่างแน่นอน แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่เรายังคงพูดถึงได้ก็คือการทำเงินของซีรีย์นั่นเอง

เครือข่ายโทรทัศน์ช่องเอชบีโอ (HBO) เรียกซีรีย์มหาศึกชิงบัลลังก์ (Game of Thrones) ว่าเป็นโปรเจกต์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของพวกเขา โดยแต่ละภาคมีผู้ชมเกือบ 20 ล้านวิวเลยทีเดียว ไม่เพียงแค่เส้นเรื่องที่มีความหักมุม ที่นักแสดงหลักอาจจะตายอย่างไม่คาดฝันซึ่งทำให้ซีรีย์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่ความสำเร็จนี้ยังต้องยกให้การแสดงที่ไร้ที่ติของบรรดานักแสดง พวกเขาทุ่มหมดตัวในการแสดง ถึงแม้จะต้องก้าวผ่านเรื่องราวเลวร้ายบางอย่างเพื่อทำให้ตัวละครที่พวกเขาได้รับดูสมจริงขึ้นมา

คนทำหนังดูจะชอบเอาตัวละครเก่าที่ผู้ชมชื่นชอบกลับมารับบทบาทด้วยนักแสดงคนใหม่ ซึ่งอาจจะหมายถึงทั้งตัวละครและตัวบุคคลในชีวิตจริง เช่น มิสมาร์เปิล (Miss Marple), พระราชินีเอลิซาเบธที่สอง (Queen Elizabeth II) และคลีโอพัตราซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้กำกับภาพยนตร์

ไม่ใช่นักแสดงทุกคนนะที่จะฝ่าฟันเข้ามาในวงการฮอลลีวูดได้ตั้งแต่ยังอายุน้อย ๆ และปักหลักอยู่ในวงการอยู่ได้ตั้งแต่แรก ๆ ที่เข้าวงการมา หลายคนต้องไปรับบทเล็ก ๆ ในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์เป็นเวลานาน เฝ้าคอยจนกว่าช่วงเวลาแห่งความสำเร็จที่แท้จริงจะเดินทางมาถึง การรอคอยอันยาวนานนี้ บางคนความสำเร็จก็มาหาเมื่อตอนอายุ 32 แต่บางคนก็มาในอายุที่มากกว่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความสำเร็จเหล่านี้นำพามาซึ่งความรู้สึกเป็นสุขสุดใจพอ ๆ กับที่ใครเคยเป็นตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ นั่นแหละ

ตัวละครในหนังสือเล่มโปรดของเรามักจะมีชีวิตขึ้นมาโลดแล่นอยู่บนจอภาพยนตร์บ่อย ๆ แล้วก็แน่นอนว่านักแสดงที่รับบทเหล่านั้นไม่ได้มีอายุตรงกับตัวละครเสมอไป อย่างเช่นอายุที่ต่างกันระหว่างออเดรย์ เฮปเบิร์น (Audrey Hepburn) กับตัวละครฮอลลี่ โกไลท์ลี่ย์ (Holly Golightly) วัย 14 ปีของเธอ หรือวาซิลี่ ลิวานอฟ (Vasily Livanov) ที่รับบทเป็นเชอร์ล็อก โฮมส์ (Sherlock Holmes) ในขณะที่เขามีอายุแก่กว่าตัวละครถึง 17 ปี อย่างไรก็ตามจะเป็นไปได้ไหมนะที่เราจะจินตนาการถึงใครบางคนที่มารับบทแทนพวกเขาได้ ?

ภาพยนตร์แฟนตาซีและตลกเรื่องโปรดในวัยเด็กของหลาย ๆ คนเรื่อง โฮคัส โพคัส: อิทธิฤทธิ์แม่มดตกกระป๋อง ออกฉายเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้วในวันที่ 16 กรกฎาคม ปี 1993 เรายังจำรอยยิ้มแปลกประหลาดของพี่น้องแซนเดอร์สัน (Sanderson) หรือแม้แต่ความรักกุ๊กกิ๊กที่น่ารักของแอลลิสัน (Allison) กับแม็กซ์ (Max) ได้อยู่เลย และถ้าอยากจะรู้ว่าชีวิตของตัวละครเหล่านี้เป็นยังไงบ้างแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา ให้คุณอ่านต่อไปได้เลย

ในการทำหนังหรือซีรีย์ขึ้นมาสักเรื่อง ทีมงานต้องทำงานหนักกันนานหลายเดือนเลยทีเดียว พวกเขาต้องใช้กลเม็ดเด็ดพรายทุกอย่าง ตั้งแต่การใช้สตันต์แมน การแต่งหน้า ใช้ซีจีไอ (CGI) ใช้ฉากเขียว ไปจนถึงเทคโนโลยีจับการเคลื่อนไหวนักแสดงที่อยู่ในชุดแนบเนื้อ ซึ่งนี่เป็นเพียงแค่ปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นนะ

หลังจากผ่านไปมากกว่า 30 ปี ภาพยนตร์คลาสสิกเกี่ยวกับเครื่องบินก็กลับมาแล้ว ในปี 1986 เราได้พบกับพีต มิตเชลล์ (Pete Mitchell) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “มาเวอริค (Maverick)” หนึ่งในบทบาทแรก ๆ ที่ทอม ครูซ​ (Tom Cruise) เคยนำแสดง โดยในหนังภาคต่อ ที่ว่ากันว่าเหนือกว่าภาคแรกมากนั้น การผลิตหนังเรื่องนี้ทำให้เราแปลกใจกับการแสดงผาดโผนในเรื่องเป็นอย่างมาก จนนึกสงสัยว่าทำไมทำไมทุกสิ่งถึงดูสมจริงนัก และคำตอบก็คือ ทั้งหมดเป็นของจริงยังไงกันล่ะ

นักแสดงไม่ได้รับบทบาทที่พวกเขาไปออดิชั่นเสมอไปและบางครั้งพวกเขาก็ปฏิเสธบทแม้ว่าผู้กำกับที่มีชื่อเสียงมากจะขอให้พวกเขาเล่นก็ตาม มันไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามทำความเข้าใจเหตุผลแต่ทุกครั้งที่ดาราบางคนบอกว่าพวกเขาเกือบจะได้รับบทที่โด่งดัง แฟนหนังก็เริ่มจินตนาการว่าหนังอาจจะออกมาเป็นยังไง

สถิติบอกเราว่าอายุการทำงานเฉลี่ยของนักแสดงนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 28.4 ปี อย่างไรก็ตาม นักแสดงรุ่นเก๋าที่ยิ่งใหญ่บางคนในวงการนี้ก็ยังคงดำรงอาชีพนักแสดงอยู่เรื่อย ๆ ถึงแม้จะผันผ่านไปครึ่งศตวรรษแล้วนับจากบทบาทแรกที่พวกเขาได้เล่น และเราจินตนาการได้เลยว่าหลังจากที่พวกเขาเคยผันผ่านการแสดงมาแล้วหลายต่อหลายบทบาท นักแสดงเหล่านี้จะต้องเป็นปรมาจารย์ในศาสตร์นี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เราก็เกิดความสงสัยว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจเล่นบทบาทเดิม ๆ กับบทบาทก่อน ๆ ในหนังเรื่องใหม่บ้างไหม แต่พวกเขาก็มีตัวละครมากมายอยู่หลายต่อหลายแบบในจิตใต้สำนึกอยู่แล้วนี่นะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

เวลาที่ดูภาพเหล่านี้ มักทำให้เราคิดถึงคำว่า “เวทมนตร์ของภาพยนตร์” ได้ทันทีเลย เพราะเวทมนตร์เป็นคำเดียวจริง ๆ ที่สามารถบรรยายสเปเชียลเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ที่ใช้ในภาพยนตร์เหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการแทนที่สถานที่ต่าง ๆ การสร้างลุคแบบใหม่ หรือแม้แต่การเปลี่ยนโฉมจากสุนัขธรรมดา ๆ ตัวหนึ่งให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดก็ยังทำได้ ผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์กราฟิกสมัยใหม่สามารถทำได้เกือบทุกอย่างเลยจริง ๆ

ไม่มีอะไรจะน่ารักไปกว่าการได้เห็นคนดังอยู่กับลูก ๆ ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นบนพรมแดงหรือบนโซเชียลมีเดียก็ตาม ถึงอย่างนั้น คงไม่มีวิธีที่ทำให้ความสัมพันธ์เข้มแข็งมากขึ้นได้ดีไปกว่าการที่พ่อแม่และลูกได้เล่นหนังด้วยกัน ซึ่งทั้งคู่จะได้ใช้เวลาและเรียนรู้กันด้วย และด้วยวิธีนี้ยังจะทำให้เราได้เพลิดเพลินไปกับภาพยนตร์หรือซีรี่ย์ที่ยอดเยี่ยมอีกต่างหาก

ดาราใหญ่สุด ๆ บางคนในภาพยนตร์และทีวีซีรีส์ชื่อดังต่างต้องเริ่มมาจากบทบาทเล็ก ๆ ก่อนที่จะกลายเป็นคนดังด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งเหมือนกับชีวิตของคนเรานี่แหละ คุณมักจะต้องเริ่มต้นจากจุดต่ำสุดก่อนจึงจะค่อย ๆ ไปอยู่ในจุดที่สูงได้ ดังนั้นหากคุณอยู่ในวัยทำงาน หรือกำลังเรียนอยู่ และกำลังคิดว่าเมื่อไหร่หนอที่จะถึงคราวที่คุณจะได้เปล่งประกายบ้าง ให้คนพวกนี้เป็นแรงบันดาลใจให้คุณกันเถอะ

การแสดงแบบที่นักแสดงต้องกลายเป็นตัวละครเหล่านั้นจริง ๆ (Method acting) เป็นการแสดงแบบที่เป็นที่นิยมมากในวงการฮอลลีวูด และนักแสดงชื่อดังมากมายก็ตัดสินใจที่จะใช้วิธีนี้ในการเตรียมตัวรับกับบทบาทเหล่านั้น ถึงแม้เทคนิคนี้จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้วนักแสดงมักจะต้องจดจ่อกับตัวละครและจินตนาการถึงสถานการณ์ในฉากนั้น ๆ ที่พวกเขากำลังเตรียมตัวที่จะเล่น อย่างไรก็ตาม นักแสดงบางคนก็ตัดสินใจที่จะทุ่มเทแรงกายแรงใจไปจนถึงขีดสุด และจมจ่อมอยู่ในบทบาทของตัวละครแม้กระทั่งเวลาที่พวกเขาไม่ได้อยู่หน้ากล้องก็ตาม

ซีรีส์ในโทรทัศน์ชื่อดังที่เรารู้จักและชอบมาก ๆ กันในปัจจุบันนี้ผ่านความเปลี่ยนแปลงมาหลายอย่างก่อนที่จะมาได้ชื่อแบบที่เรารู้จักกัน แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ดูเหมือนว่าชื่อที่ถูกเลือกมามันถูกลิขิตให้กลายเป็นที่นิยมเสียอย่างนั้น ซีรีส์เหล่านี้ทิ้งความประทับใจที่ยาวนานเอาไว้ในชีวิตเราที่เราจะจดจำไปนานแสนนานเลย พวกเราจะยังคงเล่าเรื่องฉากโปรดของเรากับคนที่เรารักและสัมผัสความรู้สึกที่เราเคยรู้สึกตอนที่ดูฉากเหล่านั้นได้อีกครั้งที่ชีวิตสดใส พวกเราได้รวบรวมรายชื่อของภาพยนตร์และซีรีส์ที่เคยมีชื่อที่แตกต่างออกไปทีแรก แต่ภายหลังก็เปลี่ยนใหม่ และชื่อใหม่ก็ดีกว่ามาก ๆ เลยด้วย บางชื่ออาจจะทำให้คุณประหลาดใจได้เลยล่ะ

ซีรีส์ 12 ซีซั่นที่กินเวลามายาวนานกว่าสิบปี ตัวละครจากเรื่อง เดอะบิ๊กแบง ทีออรี่ ทฤษฎีวุ่นหัวใจ (The Big Bang Theory) ก็ได้ดึงดูดพวกเราหลายคนด้วยนิสัยแปลก ๆ และอารมณ์ขันที่ไร้สาระของพวกเขา แต่ไม่ว่าเราจะดูแต่ละตอนซ้ำ ๆ อย่างถี่ถ้วนมากแค่ไหน บางครั้งเราก็ยังพลาดฉากสำคัญและรายละเอียดในเรื่องไปได้ ตั้งแต่เหตุการณ์ที่บอกใบ้อนาคตไปจนถึงไข่อีสเตอร์ที่ผู้สร้างได้ซ่อนเอาไว้อย่างชาญฉลาด แต่บางคนที่มีตาเหยี่ยวก็ได้ค้นพบรายละเอียดที่พวกเราหลายคนได้มองข้ามไป

ไม่ว่าเป็นการเปลี่ยนให้มนุษย์กลายเป็นหมาป่าในภาพยนตร์เรื่องทไวไลท์ไปจนถึงการให้พลังพิเศษกับเหล่าฮีโร่อย่างเช่น ธอร์ เอฟเฟกต์พิเศษสามารถเปลี่ยนภาพยนตร์ไปจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ ต้องดูภาพถ่ายเบื้องหลังการถ่ายทำเท่านั้น เราจึงจะเห็นนักแสดง นักแสดงแทน ผู้กำกับ และการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกเพื่อทำให้ออกมาเป็นฉากแบบที่เรารักมาก ๆ

ทุกวันนี้มีภาพยนตร์และละครทีวีมากมายที่เราเลือกได้ว่าเราอยากเห็นตัวละครแบบไหน แต่วิธีที่หนังแต่ละเรื่องนำเสนอออกมาก็อาจมีรูปแบบที่แตกต่างกัน บางครั้งบทวัยใสที่มีอายุ 15 ปี กลับดูแก่เกินตัวเหมือนผู้ใหญ่อายุ 30 หรือ 40 ปีอย่างไรอย่างนั้น